คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2421/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยเป็นทั้งเจ้าสำนักผู้จัดให้มีการเล่นพนันขึ้นเพื่อนำมาซึ่ง ผลประโยชน์แห่งตน และร่วมเข้าเล่นพนันกับลูกค้าผู้เข้าเล่นด้วย ตามลักษณะหรือสภาพแห่งการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวจึงสามารถแยกจากกันได้ เป็นการกระทำผิดต่างฐานกันและมีเจตนาคนละอัน จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าสำนักผู้จัดให้มีการเล่นพนันและฐานเป็นผู้เล่นพนัน อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๑๐, ๑๒, ๑๕ พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๓ ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามสิบแปดให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๑๐, ๑๒, ๑๕ พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๓ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำเลยที่ ๑ ฐานเป็นเจ้าสำนักจำคุก ๒ เดือน ฐานเป็นผู้เล่น ปรับ ๑,๐๐๐ บาท รวมสองกระทงจำคุก ๒ เดือนและปรับ ๑,๐๐๐ บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะแต่ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หรือเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นพนันขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และร่วมเข้าเล่นพนันกับจำเลยนอกนั้นซึ่งเป็นลูกค้าผู้เข้าเล่นพนัน เมื่อจำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังที่โจทก์ฟ้องกล่าวคือจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นพนันขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนกรณีหนึ่ง และจำเลยที่ ๑ ร่วมเข้าเล่นพนันกับจำเลยอื่นซึ่งเป็นลูกค้าผู้เข้าเล่นพนันอีกกรณีหนึ่ง จึงเป็นที่เห็นได้โดยแจ้งชัดว่า ตามลักษณะหรือสภาพแห่งการกระทำทั้งสองกรณีนั้นสามารถแยกออกจากกันได้ เป็นการกระทำต่างฐานกันและมีเจตนาคนละอัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษเป็น ๒ กรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ที่โต้เถียงว่าโทษฐานเข้าเล่นพนันเป็นเพียงความผิดสืบเนื่องและเชื่อมโยงมาจากความผิดฐานเป็นเจ้าสำนัก กับทั้งเป็นความผิดซ้ำซ้อนกันย่อมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share