คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาจะต่อสู้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ทิ้งมีดและหยิบไม้ตีผู้ตายหนึ่งครั้งแล้วไม้ที่ถือก็ร่วงไปและเกิดกอดปล้ำกันขึ้น ขณะที่จำเลยที่ 2 กำลังกอดปล้ำกับผู้ตายผู้ตายจิกผมของจำเลยที่ 2 กดลงต่ำ จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นไม่มีโอกาสเลือกแทงได้ โดยถนัด บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย ยังไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
เมื่อมีผู้ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะกัน จำเลยที่ 1 พูดให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะและต่อสู้กัน เมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดออกมาจากบ้าน จำเลยที่ 1 ก็เดินตามหลังมาติดๆ เป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จะต่อสู้กับผู้ตายเมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาและจำเลยที่ 2 ทิ้งมีด จำเลยที่ 1 ก็บอกให้จำเลยที่ 2เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จะเข้าต่อสู้กัน พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ใช้ไม้ท่อนตีที่ศีรษะและใช้มีดปลายแหลมแทงนางพัชรินทร์ถูกบริเวณราวนมด้านซ้ายทะลุกล้ามเนื้อหัวใจ โดยเจตนาฆ่า นางพัชรินทร์ได้ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ ๒ ขณะกระทำความผิด และจำเลยที่ ๑ ได้ทำร้ายนางนิดด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๖, ๒๙๕, ๙๑
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับว่าได้ทำร้ายผู้ตายโดยไม่เจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๐ ส่วนจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ส่วนจำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๖
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมาย โดยฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตาย แล้วจำเลยที่ ๒ ถือมีดปอกผลไม้ใบมีดยาว ๕ นิ้วออกมาร้องท้าทายให้ผู้ตายมาต่อสู้กัน เมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาจะต่อสู้กับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ก็ได้ทิ้งมีดและหยิบไม้ที่กองไม้ถือไม้ทั้งสองมือตีผู้ตาย ๑ ครั้ง แล้วไม้ที่จำเลยที่ ๒ ถือก็ร่วงไปและเกิดกอดปล้ำกันนั้น แสดงว่าจำเลยที่ ๒ หาได้เจตนาที่จะใช้มีดเล่มนั้นแทงผู้ตายทันทีที่เข้าต่อสู้กันไม่ คงประสงค์เพียงทำร้ายร่างกายของผู้ตายโดยใช้ไม้ตีเท่านั้น ระหว่างที่จำเลยที่ ๒ กอดปล้ำกับผู้ตายอยู่ก็ได้ความว่าผู้ตายจิกผมของจำเลยที่ ๒ กดลงต่ำ ศีรษะของผู้ตายอยู่สูงกว่าศีรษะของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงใช้มีดปอกผลไม้แทงผู้ตายไปในขณะนั้น จำเลยที่ ๒ ไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้โดยถนัด บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญของผู้ตายเข้า ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย จึงไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ มีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ ๒ คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
สำหรับจำเลยที่ ๑ นั้น เมื่อนางแพห้ามมิให้จำเลยที่ ๒ กับผู้ตายทะเลาะกันจำเลยที่ ๑ เป็นผู้พูดให้คนทั้งสองทะเลาะและต่อสู้กัน และเมื่อจำเลยที่ ๒ ถือมีดปอกผลไม้ออกมาจากบ้านนางจุก จำเลยที่ ๑ ก็เดินตามหลังจำเลยที่ ๒ มาติด ๆ กัน เป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ ๒ จะต่อสู้กับผู้ตาย ตอนผู้ตายถือไม้ออกจากบ้านเพื่อจะต่อสู้กับจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ทิ้งมีดจำเลยที่ ๑ ก็ยังบอกให้จำเลยที่ ๒ เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จำเลยที่ ๒ จะเข้าต่อสู้กับผู้ตายพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ ๒
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ และจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖

Share