คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำสั่งเลิกจ้าง นายจ้างระบุในคำสั่งเลิกจ้างว่า ลูกจ้างจงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอย่างร้ายแรงและกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างเท่านั้น เท่ากับนายจ้างประสงค์จะถือเอาเฉพาะเหตุที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างทั้งสองประการดังกล่าวเป็นเหตุเลิกจ้าง ไม่ได้ถือเอาเหตุอื่นเป็นเหตุเลิกจ้างด้วย ดังนี้เมื่อนายจ้างถูกฟ้องก็ชอบที่จะยกเหตุตามที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างเป็นข้อต่อสู้ จะยกเหตุอื่นนอกเหนือจากที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้ การที่นายจ้างยกเหตุว่าลูกจ้างจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัย นายจ้างมิได้จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามกำหนดเวลาซึ่งถือว่าเป็นการผิดสัญญาและไม่ชอบด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 29 ย่อมทำให้ลูกจ้างผิดหวังเกิดความรู้สึกไม่พอใจนายจ้าง และมายืนออกันอยู่ที่หน้าโรงงาน เมื่อเห็นนายจ้างขับรถผ่านมาลูกจ้างได้กล่าวถ้อยคำว่า “อีหัวล้าน” ต่อนายจ้างซึ่งกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อนายจ้างอันมีผลสืบเนื่องมาจากการที่นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้ นอกจากถ้อยคำดังกล่าวแล้ว ลูกจ้างก็มิได้กล่าววาจาหรือแสดงกริยาอย่างอื่นใดประกอบอีก เพียงถ้อยคำซึ่งกล่าวด้วยอารมณ์ผิดหวังดังเช่นกรณีนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างในกรณีที่ร้ายแรง และถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงถ้อยคำที่ไม่สุภาพไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นนายจ้างซึ่งหน้า จึงมิใช่เป็นการกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2536 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีสาเหตุ จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมและจ่ายค่าจ้างให้โจทก์นับแต่วันที่เลิกจ้างจนถึงวันที่รับโจทก์กลับเข้าทำงานหากไม่ปฏิบัติตามที่ขอ ให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าชดเชยและค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ได้กล่าววาจาไม่สุภาพด่านางวันทนีย์ เยาวพงศ์ศิริ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและนายจ้างของโจทก์ว่า “อีหัวล้าน” เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 และเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยในกรณีที่ร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16เมษายน 2515 ข้อ 47(1)(2)(3) จึงไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 27,744 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า การที่โจทก์ด่านางวันทนีย์ว่าอีหัวล้าน เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าอันเป็นการกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างหรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำที่โจทก์ด่านางวันทนีย์ว่าอีหัวล้าน เป็นเพียงคำที่ไม่สุภาพ ไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นนางวันทนีย์ซึ่งหน้า โจทก์จึงมิได้กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
จำเลยอุทธรณ์ประการที่สองว่า การที่โจทก์ด่านางวันทนีย์ว่าอีหัวล้าน เป็นการจงใจทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหาย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(2) นั้น เห็นว่า ตามคำสั่งเลิกจ้างโจทก์เอกสารหมาย ล.3จำเลยระบุในคำสั่งเลิกจ้าง โจทก์ว่า โจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ อย่างร้ายแรงและกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างเท่านั้น เท่ากับจำเลยประสงค์จะถือเอาเฉพาะเหตุที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างทั้งสองประการดังกล่าวเป็นเหตุเลิกจ้าง ไม่ได้ถือเอาเหตุอื่นเป็นเหตุเลิกจ้างด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยถูกฟ้องก็ชอบที่จะยกเหตุตามที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างโจทก์เป็นข้อต่อสู้จะยกเหตุอื่นนอกเหนือจากที่ระบุในคำสั่งเลิกจ้างเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้จำเลยจึงยกเหตุว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ประการสุดท้ายว่า การที่โจทก์ด่านางวันทนีย์ว่าอีหัวล้านเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีที่ร้ายแรงนั้น เห็นว่า แม้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.5 ข้อ 71 จะกำหนดห้ามมิให้ลูกจ้างโต้เถียงหรือพูดจาประชดประชันหรือแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ หรือแสดงกริยาดูหมิ่นเหยียดหยามลูกค้า ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มาติดต่อหรือพนักงานด้วยกันเองก็ตาม แต่ตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวก็มิได้กำหนดว่าการฝ่าฝืนเป็นกรณีที่ร้ายแรงประการใด และเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุดังกล่าวก็จะเห็นได้ว่า โจทก์และลูกจ้างอื่นประมาณ 40 คน ประสงค์จะได้รับค่าจ้างอันเป็นเป้าหมายสำคัญในการทำงานของผู้มีอาชีพรับจ้างตามกำหนดเวลาเพื่อจะได้นำไปใช้จ่ายเลี้ยงดูชีวิตของลูกจ้างและครอบครัว เมื่อจำเลยไม่จ่ายให้ตามกำหนดเวลาซึ่งถือได้ว่าเป็นการผิดสัญญาและไม่ชอบด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 29 ย่อมทำให้โจทก์และลูกจ้างดังกล่าวผิดหวังเกิดความรู้สึกไม่พอใจจำเลย และมายืนออกันอยู่ที่หน้าโรงงานในขณะที่ยืนออกันอยู่นั้นเมื่อเห็นนางวันทนีย์ขับรถผ่านมาโจทก์ได้กล่าวถ้อยคำไม่สุภาพต่อนางวันทนีย์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อจำเลยอันมีผลสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ ทั้งโจทก์ก็กล่าวเพียงคำว่าอีหัวล้าน เท่านั้น มิได้กล่าววาจาหรือแสดงกริยาอย่างอื่นใดประกอบอีก เพียงถ้อยคำซึ่งกล่าวด้วยอารมณ์ผิดหวังดังเช่นกรณีของโจทก์จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยในกรณีที่ร้ายแรงที่จำเลยผู้เป็นนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3)
พิพากษายืน

Share