แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า อ.(จำเลย) ออกเช็คให้ผู้แจ้ง ธนาคารเรียกเก็บเงินไม่ได้ ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย ได้ติดต่อ อ.แล้วไม่พบ ในชั้นนี้ผู้แจ้งเพียงแต่มาแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบไว้เป็นหลักฐานชั้นหนึ่งก่อน หากติดตาม อ.ได้เมื่อใด ผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ อ.ในภายหลัง ดังนี้ ข้อความที่โจทก์แจ้งดังกล่าวมีเจตนาเพียงมาแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้เป็นหลักฐานว่า จำเลยออกเช็คชำระหนี้เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะบัญชีของผู้สั่งจ่ายปิดแล้วเท่านั้น ขณะแจ้งผู้แจ้งไม่มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีกับ อ.ต่อไปประการใด ไม่มีข้อความหรือพฤติการณ์ ในขณะที่แจ้งความว่ามีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ส่วนข้อความที่ว่าหากติดตาม อ.ได้เมื่อใด ผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในภายหลัง ก็เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่เป็นข้อบ่งว่าขณะแจ้งความนั้น ผู้แจ้งมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ข้อความที่แจ้งจึงไม่ใช่คำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2518)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ ซึ่งโจทก์ได้ร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลสามเสนแล้ว
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากว่า จำเลยไม่ได้เจตนาจะให้ใช้เงินตามเช็ค และคดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ข้อความที่โจทก์แจ้งต่อพนักงานสอบสวนไม่ใช่คำร้องทุกข์คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ สิทธิการฟ้องคดีใหม่ของโจทก์ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๖) พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ปัญหาว่าข้อความที่โจทก์แจ้งต่อพนักงานสอบสวนตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน คดีนี้เป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒(๗) หรือไม่ ข้อความในรายงานเบ็ดเสร็จดังกล่าวมีความว่า เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๑ นายวิวัฒน์ ศรีชัยพฤกษ์ (โจทก์) แจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลสามเสนต่อพนักงานสอบสวนว่า นายอิ๊อฮั้ว แซ่ตั้ง (จำเลย) ตกลงซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากผู้แจ้งเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ออกเช็คเงินสด ลงวันที่สั่งจ่าย ๑๕ เมษายน ๒๕๑๑ ผู้แจ้งนำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคารแห่งกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาบางกระบือ ธนาคารเรียกเก็บเงินไม่ได้ ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย ได้ติดต่อนายอิ๊ดฮั้ว (จำเลย) แล้วไม่พบ ในชั้นนี้ผู้แจ้งเพียงแต่มาแจ้งให้พนักงานตำรวจทราบไว้เป็นหลักฐานชั้นหนึ่งก่อน หากติดตามนายอิ๊ดฮั้ว แซ่ตั้ง ได้เมื่อใด ผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายอิ๊ดฮั้ว แซ่ตั้ง ในภายหลัง ศาลฎีกาโดยมติของที่ประชุมใหญ่เห็นว่าข้อความที่โจทก์แจ้งดังกล่าวมีเจตนาเพียงมาแจ้งให้พนักงานตำรวจรับทราบ ไว้เป็นหลักฐานว่า จำเลยออกเช็คชำระหนี้ เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะบัญชีของผู้สั่งจ่ายปิดแล้วเท่านั้น ขณะแจ้งผู้แจ้งไม่มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีกับนายอิ๊ดฮั้ว แซ่ตั้ง จำเลยต่อไปประการใด ไม่มีข้อความหรือพฤติการณ์ในขณะที่แจ้งความดังกล่าวว่ามีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ส่วนข้อความที่ปรากฏว่า หากติดตามนายอิ๊ดฮั้ว แซ่ตั้งได้เมื่อใด ผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในภายหลัง เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่เป็นข้องบ่งว่าขณะแจ้งความนั้น ผู้แจ้งมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ข้อความที่โจทก์แจ้งในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันคดีนี้ จึงไม่ใช่คำร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒(๗) ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน