แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับอนุญาตให้นั่งดูโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงนอกห้องนอนของผู้เสียหาย จะถือว่าผู้เสียหายอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนไม่ได้ การที่จำเลยเข้าไปจะล้มตัวลงนอนกับผู้เสียหายในขณะที่สามีผู้เสียหายเมาเหล้านอนอยู่นอกห้องนอนในเวลาดึก ดังนี้ จำเลยมีเจตนาร้ายต่อผู้เสียหายในทางชู้สาว เป็นการเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365 จำคุก 4 เดือน 15 วัน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2525 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา จำเลยและชาวบ้านหลายคนไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของนางอำนวย ซาชัย ผู้เสียหาย ระหว่างที่ดูโทรทัศน์กันอยู่นั้น นายจำลองซาชัย สามีของผู้เสียหายและจำเลยก็ดื่มสุราไปด้วยต่อมาเวลาประมาณ 21 นาฬิกา ผู้เสียหายเข้านอน ครั้นเวลาประมาณเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ผู้เสียหายรู้สึกตัวว่ามีคนเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงนอนจึงลืมตาและเห็นเป็นจำเลย ผู้เสียหายร้องถามพร้อมกับขับไล่ให้ออกไปจากห้องจำเลยเอามือจับไหล่ผู้เสียหายผู้เสียหายจึงเอามือดันต้นคอจำเลยไว้พร้อมกับร้องตะโกนไล่ จำเลยพูดกับผู้เสียหายเบา ๆ ว่า “พี่นาง ๆ ” แล้วก็ปืนหน้าต่างห้องนอนกระโดดหนีไป ผู้เสียหายลุกขึ้นไปบอกนายจำลองซึ่งนอนหลับอยู่ที่แคร่ในห้องโถงที่ตั้งโทรทัศน์ขณะนั้นมีชาวบ้านนั่งดูโทรทัศน์อยู่ 3 – 4 คน นายจำลองให้ผู้เสียหายไปแจ้งแก่นายบุญชู บุญอุดม กำนันในคืนนั้นรุ่งเช้านายบุญชูเรียกจำเลยมาสอบถามจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอวังสะพุง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยดำเนินคดีชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
จำเลยนำสืบว่า คืนเกิดเหตุจำเลยและชาวบ้านหลายคนไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของผู้เสียหาย ระหว่างที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่นั้น จำเลยนายจ่า และนายสุนิตย์ ได้ร่วมดื่มสุรากับนายจำลองสามีของผู้เสียหายด้วยตรงบริเวณที่จำเลยและพวกนั่งดูโทรทัศน์นั้นห่างจากประตูห้องนอนของผู้เสียหายประมาณ 4 วา หากจำเลยจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนของผู้เสียหายแล้วผู้ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่จะต้องเห็นกันทุกคน จำเลยดื่มสุรากับนายจำลองและพวกอยู่จนเวลาประมาณ 23 นาฬิกา จึงกลับบ้าน รุ่งเช้าทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาจำเลย จำเลยก็ไปพบผู้เสียหายที่บ้านกำนัน ผู้เสียหายเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย 10,000 บาท จำเลยไม่ยอมให้เพราะไม่ได้เข้าหาผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยโดยตลอดแล้วปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้เข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายหรือไม่ ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 1 นาฬิกาเศษ มีชาวบ้านนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องโถงซึ่งติดกับห้องนอนของผู้เสียหาย 3 – 4 คน ส่วนนายจำลองสามีผู้เสียหายหลับอยู่บนแคร่หน้าเครื่องรับโทรทัศน์ ผู้เสียหายเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุลุกมาถ่ายปัสสาวะแล้วกลับเข้าไปนอนใหม่ยังไม่ทันหลับ ก็รู้สึกว่ามีคนขึ้นมาบนเตียงจึงลืมตาดู เห็นจำเลยนั่งอยู่ตรงขอบเตียงข้างตัวผู้เสียหาย และจะล้มตัวลงนอนกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายร้องถามว่าเข้ามาทำไมจำเลยเอามือจับไหล่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายเอามือทั้งสองดันต้นคอจำเลยไว้พร้อมกับร้องตะโกนขับไล่ด้วยเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง จำเลยร้องบอกว่า “พี่นาง ๆ”ด้วยเสียงเบา ๆ แล้วก็ปีนกระโดดออกหน้าต่างทางหัวนอนไป เมื่อจำเลยหนีไปแล้ว ผู้เสียหายก็ออกมาปลุกนายจำลองสามีเล่าเรื่องให้ฟัง ในคืนนั้นนายจำลองได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความนายบุญชู บุญอุดมกำนันตำบลผาสามยอด นายบุญชูพยานโจทก์ได้มาเบิกความสนับสนุนว่าคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 1 นาฬิกาเศษของวันที่ 12 กรกฎาคม 2525 ผู้เสียหายได้นำความมาแจ้งกับพยานว่าก่อนหน้านั้นจำเลยได้เข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายและได้นอนลงเคียงข้างกับผู้เสียหายพร้อมกับจับไหล่ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ร้องถามและขับไล่ จำเลยก็หนีไป พยานเห็นว่า ดึกแล้วจึงบอกว่าพรุ่งนี้จะเรียกตัวจำเลยมาสอบถาม รุ่งขึ้นพยานเรียกตัวจำเลยมาสอบถาม จำเลยให้การปฏิเสธ จึงนำตัวจำเลยส่งสถานีตำรวจ เห็นว่า บิดาจำเลยเป็นน้องชายของมารดานายจำลองผู้เสียหาย มีความสนิทสนมกันมาก คืนนั้นนายจำลองจำเลยและชาวบ้านที่มานั่งดูโทรทัศน์อีก 2 คนยังนั่งกินเหล้าด้วยกันรวม 4 คนจนนายจำลองเมาเหล้านอนอยู่บนแคร่หน้าเครื่องรับโทรทัศน์ตั้งแต่เวลา 21 นาฬิกา เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายและนายจำลองสามีก็ได้ไปแจ้งความกับนายบุญชูกำนันตำบลผาสามยอดทันทีชั้นจับกุมจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา จึงไม่มีเหตุที่ผู้เสียหายจะเบิกความปรักปรำจำเลย แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้นั่งดูโทรทัศน์ในบ้านผู้เสียหาย แต่เครื่องรับโทรทัศน์ก็ตั้งอยู่ในห้องโถงนอกห้องนอนของผู้เสียหาย จะถือว่าผู้เสียหายหรือนายจำลองอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนไม่ได้ จำเลยย่อมจะรู้ว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงนอนอยู่ในห้องคนเดียว และการที่จำเลยเข้าไปจะล้มตัวลงนอนกับผู้เสียหายและพูดว่าพี่นาง ๆ ในขณะที่นายจำลองสามีผู้เสียหายเมาเหล้านอนอยู่นอกห้องนอนในเวลาค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาร้ายต่อผู้เสียหายในทางชู้สาวการที่จำเลยเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายโดยมีเจตนาดังกล่าว จึงเป็นการเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายอันเป็นเคหสถานในเวลากลางคืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 อันเป็นบทเฉพาะโดยไม่ต้องปรับมาตรา 364 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก ที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยกลับจากบ้านผู้เสียหายแต่เวลาประมาณ 23 นาฬิกา จำเลยไม่ได้เข้าไปห้องนอนผู้เสียหายนั้น ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 ให้จำคุก 6 เดือน คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้จำคุกไว้ 4 เดือน 15 วัน นายจำลอง ซาชัยสามีผู้เสียหายกับจำเลยเป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง และมีความสนิทสนมกันมาก จำเลยกระทำผิดในขณะมึนเมาและไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56”