คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่าไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยกล่าวแต่เพียงว่าได้ยื่นคำให้การอย่างละเอียดและมีเหตุผลอาจชนะคดีได้โดยจะถือเอาคำให้การของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของคำขอให้พิจารณาใหม่นั้นไม่ได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อห้องแถวออกจากที่ดินของโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อห้องแถวออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้โดยละเอียดและมีเหตุผลอาจชนะคดีได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวว่า จำเลยได้ยื่นคำให้การอย่างละเอียดและมีเหตุผลซึ่งศาลก็ได้ชี้ประเด็นต่าง ๆ อยู่มาก ซึ่งอาจเป็นเหตุให้จำเลยชนะคดีได้นั้น เท่ากับว่า จำเลยได้อ้างอิงคำให้การจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยจึงไม่จำต้องกล่าวรายละเอียดถึงเหตุผลอันเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง บัญญัติว่า “คำขอเช่นว่ามานี้ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ฯลฯ” คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องและมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดว่าไม่ถูต้องอย่างไร หากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจจะชนะคดีได้อย่างไรบ้าง จะถือเอาคำให้การของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของคำขอให้พิจารณาคดีใหม่หาได้ไม่ คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share