คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2400/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยิงปืนในหมู่บ้านนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไปเช่นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจากเจ้าพนักงานได้พกพาอาวุธปืนสั้นหมายเลขทะเบียน อ.ด.4/11170 ของจำเลยเอง ไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุจำเลยและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และไม่มีเหตุสมควร และจำเลยได้ยิงปืนในหมู่บ้าน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376 ฯลฯ ลงโทษฐานพกพาอาวุธปืนมีทะเบียนฯ ซึ่งเป็นบทหนักปรับ 400 บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้านปรับ 500 บาท รวมปรับ 900 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 450 บาท ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบอาวุธปืนของกลาง โดยอ้างว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องซึ่งข้อเท็จจริงยุติตามคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการใช้อาวุธปืนกระทำผิดกฎหมายแม้เป็นปืนมีทะเบียนก็ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) นั้น เห็นว่าอาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยิงปืนในหมู่บ้านตามฟ้องนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไปเช่นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

พิพากษายืน

Share