คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2398/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2544 จำเลยจึงมีเวลาถึง 16 วัน ที่จะติดต่อกับทนายความเพื่อทำคำฟ้องอุทธรณ์ยื่นต่อศาลก่อนครบกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์ การที่จำเลยติดตามหาทนายความของจำเลยไม่พบ จำเลยก็ควรติดต่อทนายความคนใหม่เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อทนายความคนใหม่จะได้มีเวลายื่นอุทธรณ์ได้ทันภายในกำหนด การที่จำเลยเพิ่งจะไปติดต่อทนายความคนใหม่เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2544 อันเป็นวันสุดท้ายของกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จัดการระมัดระวังตามสมควรเช่นบุคคลซึ่งอยู่ในฐานะและสภาวะเช่นนั้นพึงกระทำเพื่อป้องกันมิให้จำเลยไม่สามารถยื่นอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนสิ้นกำหนด การที่รถจักรยานยนต์ที่จำเลยนั่งมาประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถไปพบกับทนายความคนใหม่ และไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนสิ้นเวลาราชการในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ได้ จึงไม่ถือเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยอันเป็นเหตุให้จำเลยสามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายหลังที่สิ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไปแล้วได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก2 ปี สำหรับข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โดยอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังในวันที่ 12 มีนาคม 2544

จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 19 เมษายน 2544 ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไป 7 วัน โดยอ้างเหตุสุดวิสัยว่า หลังจากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ จำเลยได้ติดตามหานายสวิน นิลเพชร ทนายจำเลยแต่ไม่พบกัน จนกระทั่งวันที่ 12 เมษายน 2544 จำเลยเดินทางมาที่ศาลชั้นต้นเพื่อติดต่อทนายความคนใหม่ให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ โดยจำเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับญาติเมื่อเวลา 13 นาฬิกาเศษ แต่รถจักรยานยนต์ของจำเลยเกิดอุบัติเหตุชนกับตอไม้ล้มคว่ำจำเลยกับญาติล้มกระแทกพื้นหมดสติไปเป็นเวลานาน มาฟื้นรู้สึกตัวเป็นเวลาค่ำและหมดเวลาราชการแล้ว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องมิใช่เหตุสุดวิสัยตามกฎหมายที่จะเป็นเหตุให้จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายได้ จึงให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามสำนวนได้ความว่า ขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุ 51 ปี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด2 ปี โดยอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟัง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2544 จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2544 ครบกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในวันที่ 12 เมษายน 2544 วันที่ 19 เมษายน2544 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก7 วัน มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 12 เมษายน 2544เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าจำเลยอยู่ชนบทห่างไกลความเจริญมีฐานะยากจน ขาดการศึกษาไม่เข้าใจกฎระเบียบของสังคม จำเลยพยายามติดตามหาทนายความของจำเลย แต่ไม่พบ จนวันสุดท้าย จำเลยเดินทางไปติดต่อกับทนายความคนใหม่ แต่รถจักรยานยนต์ที่จำเลยนั่งไปเกิดอุบัติเหตุจำเลยสลบ ฟื้นขึ้นมาก็หมดเวลาราชการแล้ว จึงถือเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้นเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8 ให้ความหมายของคำว่า เหตุสุดวิสัยไว้ว่า เหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดีจะให้ผลพิบัติก็ดี เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้น จะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2544 จำเลยจึงมีเวลาถึง16 วัน ในการที่จะติดต่อกับทนายความของตนเพื่อทำคำฟ้องอุทธรณ์ยื่นต่อศาลก่อนครบกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์หรือหากมีพฤติการณ์พิเศษไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันภายในกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ก่อนสิ้นกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์การที่จำเลยอ้างเหตุว่า ติดตามหาทนายความของจำเลยไม่พบ จำเลยก็ควรติดต่อทนายความคนใหม่เสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์เพื่อทนายความคนใหม่จะได้มีเวลาดำเนินการในการยื่นอุทธรณ์ได้ทันภายในกำหนดเวลา การที่จำเลยเพิ่งจะไปติดต่อทนายความคนใหม่เมื่อวันที่ 12เมษายน 2544 อันเป็นวันสุดท้ายของกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความคนใหม่อาจยื่นอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ทันก่อนสิ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จัดการระมัดระวังตามสมควรเช่นบุคคลซึ่งอยู่ในฐานะและสภาวะเช่นนั้นพึงกระทำเพื่อป้องกันมิให้จำเลยไม่สามารถยื่นอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนสิ้นกำหนดเวลาดังกล่าวการที่รถจักรยานยนต์ที่จำเลยนั่งมาประสบอุบัติเหตุ จนไม่สามารถไปพบกับทนายความคนใหม่ได้ในวันนั้นและไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนสิ้นเวลาราชการในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ได้ จึงไม่ถือเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยอันเป็นเหตุให้จำเลยสามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายหลังที่สิ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไปแล้วได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share