คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (1) เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249
การที่ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ร้องมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือไม่ เมื่อผลของคำสั่งจำหน่ายคดีทำให้คดีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องเสร็จไปจากศาล คดีจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบอีกต่อไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะยกคำร้องดังกล่าวเสียได้โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด คำสั่งให้จำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเช่นว่านี้ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 2,039,277.66 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมโดยจำเลยทั้งสองตกลงผ่อนชำระ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2544 เป็นต้นไป หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยินยอมให้ยึดที่ดินซึ่งจำนองขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ จำเลยทั้งสองไม่ชำระโจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินซึ่งจำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 5205 และเลขที่ 5206 ตำบลบุคคโล (บางไส้ไก่) อำเภอธนบุรี (บางกอกใหญ่) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่ซึ่งปลูกคร่อมบนที่ดินดังกล่าว และที่ดินโฉนดเลขที่ 5207 ตำบลบุคคโล (บางไส้ไก่) อำเภอธนบุรี (บางกอกใหญ่) กรุงเทพมหานคร ตามคำขอของโจทก์มีชื่อนายบุญส่ง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และประเมินราคาไว้รวม 6,309,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึด
โจทก์ให้การขอให้ยกคำร้องขอ
ก่อนถึงวันนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขัดทรัพย์และทิ้งคำร้องโดยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ทั้งนางสาวปิยนุช บุตรผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องอีกเป็นการประวิงคดีมิให้โจทก์สามารถดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันค่าเสียหาย
วันนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 17 ธันวาคม 2555 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้ผู้ร้องนำเงิน 500,000 บาท มาวางต่อศาลภายใน 15 วัน เพื่อเป็นการประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และให้เลื่อนไปนัดไต่สวนพยานผู้ร้องวันที่ 8 มีนาคม 2556
วันที่ 24 ธันวาคม 2555 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาอ้างว่า ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันดังกล่าวโดยมิได้ให้โอกาสผู้ร้องคัดค้านก่อน ทั้งที่ดินที่ยึดมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สำเนาให้ผู้สวมสิทธิแทนโจทก์ รอไว้สั่งในวันนัด
วันที่ 22 มกราคม 2556 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องไม่นำเงินประกันค่าเสียหาย 500,000 บาท มาวางศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่วางเงินภายในกำหนดที่ศาลสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ แล้วมีคำสั่งคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2555 ในวันเดียวกันว่า ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของผู้ร้องในข้อที่ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันตามคำร้องของโจทก์โดยมิได้ให้โอกาสแก่ผู้ร้องคัดค้านก่อนเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ร้องมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือไม่เมื่อผลของคำสั่งจำหน่ายคดีทำให้คดีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องเสร็จไปจากศาล คดีจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบอีกต่อไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะยกคำร้องดังกล่าวเสียได้โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด คำสั่งให้จำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเช่นว่านี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสาม คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share