คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาโจทย์ อุทธรณคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่นาตามใบนำที่ ๓๙๙ เปนเนื้อนา ๔๘ ไร่ ๒ งาน ๘๐ วาให้แก่โจทย์ โดยจำเลยได้รับเงินรวมทั้งเก่าใหม่เปนเงิน ๒๘๐ บาท แลได้ทำสัญญาขายกันต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านดังปรากฎอยู่ในสัญญาติดท้ายฟ้องครั้นถึงกำหนดที่จะโอนใบนำจำเลยหลบไปจังหวัดนครราชสีมาเสีย ๓ ปี ครั้นจำเลยกลับมาแล้วกลับบิดพลิ้วแลจะขอที่นารายนี้คืน ฯ
จำเลยให้การแก้ว่า ได้เอาเงินของโจทย์ไป ๒๘๐ บาทโดยเอาที่นาแปลงนี้มาขายฝากไว้แก่โจทย์ให้ทำต่างดอกเบี้ย หาได้ขายขาดดังโจทย์หาไม่ ฯ
ศาลจังหวัดลพบุรีได้สอบถามโจทย์จำเลยรับกันว่า สัญญาลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๗ ซึ่งโจทย์อ้างมานั้นเปนสัญญาที่จำเลยได้ทำให้แก่โจทย์จริง ศาลจังหวัดฟังว่าเปนสัญญาซื้อขายกัน แต่หากยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นจึงพิพากษาให้บังคับจำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิที่นาในใบนำที่ ๓๙๙ ให้แก่โจทย์ ให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายแทนโจทย์ด้วย ฯ
จำเลยอุทธรณ ฯ
ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ถ้อยคำในสัญญาที่กล่าวว่าขายนาประจำไว้นั้นต้องเข้าใจว่าไม่ใช่จำนำแลไม่ใช่ขายขาดเปนแต่เพียงว่าขายฝากกันไว้เท่านั้น แต่การขายฝากนารายนี้คู่ความมิได้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ขายจะอ้างว่าขายฝากก็ไม่ได้ ส่วนผู้รับซื้อฝากจะเอาที่ดินเปนสิทธิก็ยังมิได้ เพราะโจทย์ทำนารายนี้มาเพียง ๔-๕ ปีเท่านั้น โจทย์ยังไม่มีกรรมสิทธิในที่รายนี้ จึงพิพากษากลับคำตัดสินศาลจังหวัด ยกฟ้องโจทย์เสีย ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแลค่าทนายแทนจำเลยด้วย ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมตรวจสำนวนเรื่องนี้ตลอดแล้วเมื่อข้อความในสัญญากล่าวคำว่า “ขายนาประจำไว้ให้” เช่นนี้ศาลจังหวัดลพบุรีเห็นว่าเปนสัญญาขายขาด ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่าเปนสัญญาขายฝาก แต่ศาลนี้เห็นว่าเมื่อข้อความในสัญญาฉบัพนี้กล่าวความไม่ชัดว่าเปนสัญญาชนิดใดแล้ว ศาลจะแปลเอาเองตามชอบใจมิได้ ต้องเปนน่าที่ของโจทย์ที่จะต้องนำสืบถึงความประสงค์ที่ได้ตกลงกันในเวลาที่จะทำสัญญานั้นว่า คู่สัญญามีความประสงค์ตกลงกันอย่างไร เมื่อโจทย์ไม่นำสืบให้ได้ความแน่ชัดแล้วก็ต้องยกคดีของโจทย์เสีย จะบังคับดังโจทย์ขอมิได้ เพราะเปนความผิดของโจทย์ โดยเหตุนี้จึงพิพากษาให้ยกฎีกาโจทย์เสีย คงยืนตามคำตัดสินศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษแต่เฉภาะข้อที่ให้ยกฟ้องโจทย์นั้นเสีย ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแลค่าทนายในชั้นฎีกาแทนจำเลยอีก ๕๐ บาทด้วย ฯ
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share