คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยทั้งสามจำนวน 3 แปลง ที่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาได้ดำเนินการบังคับคดีไว้แล้ว แม้ต่อมาคดีของผู้ร้องทั้งสี่จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสามจำนองไว้แก่โจทก์ให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองนั้นได้ เพราะสิทธิจำนองย่อมตกติดอยู่กับตัวทรัพย์ดังนั้นการงดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่จึงไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดอีกทั้งผู้ร้องทั้งสี่ก็สามารถที่จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้อยู่แล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสี่หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่และจำเลยทั้งสามกับพวกจะถึงที่สุด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแก่โจทก์หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที จำเลยทั้งสามผิดนัด โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่13361, 13668 และ 13669 ออกขายทอดตลาด ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสามกับพวก ซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่แล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะจำเลยทั้งสามกับพวกอุทธรณ์คำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสี่มีส่วนได้เสีย หากที่ดินถูกขายทอดตลาดไปจะทำให้ผู้ร้องทั้งสี่ได้รับความเสียหาย เพราะหากผู้ร้องทั้งสี่ชนะคดีจะไม่สามารถที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาได้เมื่อคดีถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้งดการขายไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่กับจำเลยทั้งสามและพวกจะถึงที่สุด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จำนอง แม้หากปรากฏต่อมาว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินอันเป็นทรัพย์จำนองให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิจะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองได้ เพราะสิทธิจำนองนั้นตกติดอยู่กับตัวทรัพย์ ดังนั้นการงดการบังคับไว้จึงมิได้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใด กลับทำให้จำเลยทั้งสามกับพวกมีภาระต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้น และโจทก์ได้รับชำระหนี้ล่าช้าไปโดยไม่สมควร อีกทั้งผู้ร้องทั้งสี่ก็สามารถที่จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้อยู่แล้วแต่ผู้ร้องทั้งสี่ก็หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่กับจำเลยทั้งสามและพวกจะถึงที่สุดดังคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว คดีจึงไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ในอันที่จะยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน รวมทั้งฎีกาข้ออื่น ๆของผู้ร้องทั้งสี่อีกอย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share