แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาของจำเลยได้ยึดที่ดินของจำเลยไว้ขายทอดตลาดแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องแต่คดียังไม่ถึงที่สุดเพราะจำเลยอุทธรณ์อยู่ กรณีเช่นนี้แม้หากต่อมาคดีของผู้ร้องจะถึงที่สุดก็ตาม โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองนั้นได้ เพราะสิทธิจำนองย่อมตกติดอยู่กับตัวทรัพย์ ดังนั้นการงดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของผู้ร้องจึงไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดอีกทั้งผู้ร้องก็สามารถที่จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้อยู่แล้ว แต่ผู้ร้องหาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องและจำเลยจะถึงที่สุด
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง โจทก์จำเลยทั้งสามตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โดยจำเลยทั้งสามยอมร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแก่โจทก์เป็นเงิน 1,715,647.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์โดยจำเลยทั้งสามจะนำเงิน 600,000 บาทไปชำระแก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันทำยอม ส่วนยอดหนี้ที่เหลือให้ผ่อนชำระเดือนละไม่น้อยกว่า 16,000 บาท และจะชำระเสร็จสิ้นภายใน 12 เดือน หากจำเลยทั้งสามผิดนัดยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์จำนองบังคับคดีได้ทันที ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว โจทก์จึงได้ขอหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยทั้งสามโฉนดเลขที่ 13661,13668 และ 13669 และได้ประกาศให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดแล้วเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2533 เวลา 10 นาฬิกา ผู้ร้องทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 17 สิงหาคม 2533 ขอให้งดการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสามกับพวกในคดีแพ่งหมายเลขที่ 145/2533 ของศาลชั้นต้นเรื่องซื้อขายซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่แล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะจำเลยทั้งสามกับพวกได้อุทธรณ์คำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสี่มีส่วนได้เสีย หากที่ดินถูกขายทอดตลาดไปจะทำให้ผู้ร้องทั้งสี่ได้รับความเสียหายเพราะหากผู้ร้องทั้งสี่ชนะคดีจะไม่สามารถที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาได้เมื่อคดีถึงที่สุดศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้งดการขายไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่กับจำเลยทั้งสามและพวกจะถึงที่สุด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามจะต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแก่โจทก์เป็นเงิน 1,715,647.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยแต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงนำยึดทรัพย์จำนองคืนที่ดินโฉนดเลขที่ 13661, 13668 และ 13669 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดแล้ว ส่วนผู้ร้องทั้งสี่ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินทั้งสามโฉนดดังกล่าวจากจำเลยทั้งสามกับพวกในขณะที่ที่ดินมีภารจำนองอยู่แล้วและผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสามกับพวกในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 145/2533 ของศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกรับชำระเงินจำนวน 3,800,000 บาท จากผู้ร้องทั้งสี่โดยให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 13661, 13668 และ 13669 และที่ดินอื่น ๆ อีก 4 โฉนดให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ในคดีนี้
ที่ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกาขอให้งดขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 13661, 13668 และ 13669 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จำนอง แม้หากปรากฏต่อมาว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินอันเป็นทรัพย์จำนองให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิจะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองได้ เพราะสิทธิจำนองนั้นตกติดอยู่กับตัวทรัพย์ ดังนั้นการงดการบังคับคดีไว้จึงมิได้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดกลับทำให้จำเลยทั้งสามกับพวกมีภาระต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นและโจทก์ได้รับชำระหนี้ล่าช้าไปโดยไม่สมควร อีกทั้งผู้ร้องทั้งสี่ก็สามารถที่จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้อยู่แล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสี่ก็หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่กับจำเลยทั้งสามและพวกจะถึงที่สุดดังคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว คดีจึงไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนรวมทั้งฎีกาข้ออื่น ๆ ของผู้ร้องทั้งสี่อีกแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน