คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาเนื่องจากคดีของโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าคดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้องและเป็นคนยากจน ดังนั้นปัญหาที่ว่าคดีโจทก์มีมูลที่จะฟ้องร้องหรือไม่ ย่อมยุติแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถึงหากศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมและได้ความว่าโจทก์เป็นคนยากจน ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคำขอของโจทก์นั้นใหม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยว่าผิดคำมั่นจะขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2542 ว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล ให้ยกคำร้องหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2542

ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2542 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2542ว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ให้ยกคำร้อง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ประเด็นข้อนี้ย่อมยุติ ไม่มีเหตุที่จะดำเนินคดีอย่างคนอนาถาจึงให้ยกคำร้องขอพิจารณาคำขอใหม่โดยไม่ต้องไต่สวนอนาถาอีก

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษานี้

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ โดยให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมว่าคดีโจทก์มีมูล และโจทก์เป็นคนยากจนหรือไม่ เห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา เนื่องจากคดีของโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้ายกลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าคดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้องและเป็นคนยากจน ดังนั้น ปัญหาที่ว่าคดีโจทก์มีมูลที่จะฟ้องร้องหรือไม่ ย่อมยุติแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถึงหากศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมและได้ความว่าโจทก์เป็นคนยากจนก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคำขอของโจทก์นั้นใหม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share