คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์และให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการ ออกน.ส.3 ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความ ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางเหนียง ศรีชาย มารดาโจทก์ได้แบ่งที่ดินตาม น.ส.๓ เลขที่ ๑๑๕ ตำบลพนมวังก์ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ให้บุตร ๓ คน คนละประมาณ ๔ ไร่ โจทก์ได้ทางทิศใต้ นายยก ศรีชาย ได้ตอนกลางนายเลื่อน ศรีชาย ได้ตอนเหนือ ทุกคนได้ครอบครองเป็นสัดส่วนตลอดมา ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ โจทก์และนายเลื่อนได้อนุญาตให้นายยกเอาที่ดินทั้งแปลงไปจำนองสหกรณ์เขาชัยศรีเป็นประกันหนี้ที่นายยกกู้ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๕ นายยกไถ่ถอนจำนองและได้ขายที่ดินส่วนของนายยกให้โจทก์ โจทก์ชำระเงินและเข้าครอบครองติดต่อกันจนบัดนี้ ๑๐ ปีเศษแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ ส่วนนายเลื่อนกู้เงินโจทก์และมอบที่ดินส่วนของนายเลื่อนให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยตลอดมา เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๑๖ นายยกถึงแก่กรรม ครั้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๕ ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยซึ่งเป็นบุตรเป็นผู้จัดการมรดกของนายยก ต่อมาวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๖ นายอำเภอควนขนุนได้เปรียบเทียบให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ จำเลยไม่ยอม นายอำเภอจึงสั่งให้โจทก์มาฟ้อง ครั้นวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๖ จำเลยได้นำเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอควนขนุนไปรังวัดที่พิพาทเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เป็นของจำเลย โจทก์ได้คัดค้านไว้แล้ว จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์ให้เจ้าพนักงานออก น.ส.๓ ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลย ในการออก น.ส.๓ ก. หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาแทน
จำเลยให้การว่า นางเหนียงยกที่นาตามฟ้องให้นายยกบิดาจำเลยทั้งแปลง นายยกบิดาจำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา และได้ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตาม น.ส.๓ เลขที่ ๑๑๕ นายยกไม่เคยขายที่พิพาทส่วนใดส่วนหนึ่งให้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออก น.ส.๓ ก.ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลย ในการออก น.ส.๓ ก.หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทนั้นและวินิจฉัยข้อกฎหมายต่อไปว่า แต่ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ว่าให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออก น.ส.๓ ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลย…..นั้นแล้ว เห็นว่า เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความด้วย ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นนี้ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออก น.ส.๓ ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลย ในการออก น.ส.๓ ก. หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยเสียนอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share