คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเสียหายที่โจทก์ถูกผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ริบเงินดาวน์ไปนั้นแม้จะฟังว่ารถที่โจทก์เช่าซื้อมานั้นถูกรถของจำเลยชนเสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ แต่โจทก์ก็ยังอาจจ้างช่างซ่อมรถและให้คนเช่าไปขับหารายได้มาชำระค่าเช่าซื้อรถได้ แต่โจทก์ไม่ได้กระทำคงปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง 4-5 เดือน และไม่ได้จัดการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถด้วย จึงถูกผู้ให้เช่าซื้อรถนั้นริบเงินดาวน์ไป 10,000 บาทเช่นนี้ เป็นความเสียหายที่เกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญา ไม่ใช่ความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์ถูกริบเงินดาวน์ไปนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาว่า นายสนั่น วงศ์ชะอุ่ม ลูกจ้างได้ขับรถบรรทุกปิ๊ปน้ำมันไปในทางการที่จ้างของจำเลยโดยประมาทชนรถบรรทุกเล็กที่โจทก์ขับมาเสียหาย โจทก์ได้รับบาดเจ็บ ต้องรักษาตัวเป็นเวลา ๔ เดือนเศษ เสียค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาทขาดประโยชน์ระหว่างเจ็บป่วยเป็นเงิน ๑๙,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายเนื่องจากโจทก์ถูกบริษัทสิทธิผลมอเตอร์ จำกัด เจ้าของรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมายึดรถยนต์คืนไป พร้อมทั้งยึดเงินดาวน์ ๑๑,๐๐๐ บาท ค่าที่โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วย ๑,๕๐๐ บาท ค่าซ่อมรถ ๘,๖๗๐ บาทรวมเป็นเงิน ๔๒,๑๗๐ บาท ขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของรถ จึงไม่มีอำนาจฟ้องนายสนั่นไม่ใช่ลูกจ้างและปฏิบัติการในทางการที่จ้างของจำเลยเหตุที่รถชนกันเพราะความประมาทของโจทก์ การที่โจทก์ถูกยึดรถคืนพร้อมทั้งเงินดาวน์นั้น โจทก์เรียกไม่ได้ เพราะไม่ใช่ค่าเสียหายจากการละเมิดโจทก์ไม่ได้เสียหายดังฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๒๑,๖๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังว่า นายสนั่นเป็นลูกจ้างและขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยโดยประมาท จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดในเรื่องค่าเสียหาย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ค่าเสียหายที่โจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและขาดประโยชน์ไม่ได้ใช้รถไป ๔ เดือน ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยชดใช้ให้โจทก์เป็นเงิน ๙,๖๐๐ บาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการเหมาะสมตามรูปคดีแล้วส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ถูกริบเงินดาวน์ไป ๑๐,๐๐๐ บาทที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยชดใช้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้รถโจทก์ที่เช่าซื้อจะเสียหาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจที่จะขับรถได้ก็จริง แต่โจทก์อาจจะจ้างช่างซ่อมรถและให้คนเช่าไปขับหารายได้มาชำระค่าเช่าซื้อรถได้ แต่โจทก์ไม่ได้กระทำคงปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง ๔-๕ เดือน และไม่ได้จัดการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถด้วย จึงถูกผู้ให้เช่าซื้อรถนั้นริบเงินดาวน์ไปเช่นนี้เป็นความเสียหายที่เกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญาไม่ใช่ความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๑,๖๐๐ บาทแก่โจทก์และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ๓ ศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม ๑,๐๐๐ บาท โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นและในชั้นศาลฎีกา ให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฟ้องคดี และฎีกาอย่างคนอนาถาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๕๘ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ค่าขึ้นศาลให้จำเลยชำระเพียงทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี

Share