คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ได้ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายและพยานอีกปากหนึ่ง โดยยังไม่ได้ทำบันทึกการมอบคดีและลงบันทึกประจำวัน พนักงานสอบสวนผู้นั้นก็ได้ย้ายไปรับราชการที่อื่นต่อมาพนักงานสอบสวนคนใหม่มาทำการสอบสวนต่อจึงได้ทำบันทึกการมอบคดีและบันทึกประจำวันขึ้นดังนี้ หาทำให้การสอบสวนที่ได้กระทำไปแล้วนั้นเสียไปไม่ เพราะเมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนได้แล้วโดยไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้อง
จำเลยพูดถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงทำงานอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่ากระหรี่ที่ดิน คำว่า “กระหรี่” หมายความว่าหญิงนครโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จำเลยจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าค้าประเวณีกับใครประพฤติสำส่อนในทางเพศกับใครบ้างก็เพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำหมิ่นประมาทแล้ว
ผลของการใส่ความผู้อื่นน่าจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังหรือไม่นั้นศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้ไม่จำต้องอาศัยคำเบิกความของพยาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานหมิ่นประมาทใส่ความนางจันทร์นิภาหรืออ้อย นิลไพโรจน์ผู้เสียหาย ซึ่งรับราชการเป็นพนักงานที่ดิน สำนักงานที่ดินอำเภอแม่สอด โดยพูดแก่ร้อยตำรวจเอกสมาน คำดอนใจ ต่อหน้าบุคคลอื่นว่า ผู้เสียหายเป็น “กระหรี่ที่ดิน” ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ปรับ 500 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2521 ผู้เสียหายได้แจ้งความคดีนี้ต่อร้อยตำรวจตรีวินัย วัฒนรุ่ง ร้อยตำรวจตรีวินัยได้สอบสวนบันทึกปากคำผู้เสียหายและร้อยตำรวจเอกสมานคำดอนใจ ไว้ แต่ยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวันหรือบันทึกการมอบคดีไว้แต่อย่างใดก็ไปราชการที่อื่นเสีย ไม่ได้สอบสวนต่อไป ร้อยตำรวจโทจรัส วงษ์ระเบียบ พนักงานสอบสวนคนต่อมาเพิ่งทำบันทึกการมอบคดีและรายงานประจำวันในภายหลังเมื่อได้สอบสวนผู้เสียหายและร้อยตำรวจเอกสมานเสร็จแล้ว การสอบสวนนี้ได้กระทำขึ้นก่อนที่ผู้เสียหายจะได้ร้องทุกข์และมอบคดีแม้ภายหลังจะมีการมอบคดีและสอบสวนพยานอื่นเพิ่มขึ้นอีก ก็ไม่ทำให้การสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลายเป็นชอบด้วยกฎหมายขึ้นมา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้เสียหายไปแจ้งความคือร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจตรีวินัยให้ดำเนินคดีแก่จำเลยร้อยตำรวจตรีวินัยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนได้แล้วโดยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 121 วรรคสอง ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การที่ร้อยตำรวจตรีวินัยได้รับแจ้งความแล้วได้สอบสวนปากคำผู้เสียหายและร้อยตำรวจเอกสมานไปโดยยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวันและไม่ได้ทำการบันทึกการมอบคดีนั้น ถ้าจะถือว่าเป็นความบกพร่อง ก็เป็นความบกพร่องของฝ่ายพนักงานสอบสวนเองที่ยังไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามระเบียบ ที่จะถือว่ายังไม่มีการร้องทุกข์ ทำให้ผู้ร้องทุกข์พลอยได้รับความเสียหายด้วยนั้น ย่อมไม่ถูกต้อง ทั้งในภายหลังพนักงานสอบสวนผู้ดำเนินการสอบสวนต่อก็ได้จัดให้มีการลงรายงานประจำวันฯ และทำบันทึกการมอบคดีให้บริบูรณ์ขึ้นแล้ว การสอบสวนที่ได้กระทำไปย่อมเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายโดยตลอด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ฎีกาข้อหลังจำเลยว่า คดีไม่ได้ความว่า จำเลยได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายเป็นหญิงค้าประเวณีหรือหาเงิน หรือสำส่อนในทางประเวณีกับชายใด ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อได้ความว่าจำเลยพูดถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงรับราชการอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่า กระหรี่ที่ดิน และคำว่า “กระหรี่”หมายความว่า หญิงนครโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จำเลยจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าค้าประเวณีกับใคร ประพฤติสำส่อนในทางเพศกับใครบ้าง ก็เพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำหมิ่นประมาทแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายมิได้เบิกความยืนยันว่าได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น เห็นว่า ผลของการใส่ความผู้อื่นจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง หรือไม่นั้น ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้เอง หาจำต้องอาศัยคำเบิกความของพยานไม่ จำเลยฎีกาต่อไปว่า ร้อยตำรวจเอกสมานต้องการทราบว่าหญิงในรถคันนั้นมีใครบ้าง จำเลยบอกว่ามีกระหรี่ที่ดินคนหนึ่ง ฟังได้อย่างมากเพียงว่ามีผู้เสียหายไปด้วยคนหนึ่ง เพียงแต่เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้น มิได้เจาะจงเน้นหนักไปในทางความประพฤติของผู้เสียหายว่าเป็นหญิงนครโสเภณีหรือหญิงหาเงิน ไม่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่ที่ในบางกรณีการกล่าวคำว่า “กระหรี่” อาจไม่เป็นการใส่ความ เช่นใช้คำนี้ด่ากันโดยมิได้ทำให้ผู้ที่ได้ยินเชื่อไปตามนั้นเป็นต้นแต่ตามข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในคดีนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อแสดงว่า จำเลยกล่าวเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจว่า ผู้เสียหายเป็นหญิงประเภทที่เรียกกันว่ากระหรี่ จำเลยจะเถียงว่าไม่เป็นการใส่ความ เพียงแต่ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หาได้ไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

พิพากษายืน

Share