คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นทหารจีนคณะชาติกองพลที่ 93 ซึ่งตกค้างอยู่บริเวณชายแดนไทย แล้วอพยพเข้ามาและอยู่ในความควบคุมของ บก.04(กองอำนวยการควบคุมและพัฒนาอาชีพผู้อพยพ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่) ทาง บก.04 จ่ายอาวุธปืน ปสบ. 87 ของกลาง ซึ่งเป็นอาวุธปืนของราชการทหารใช้เฉพาะแต่ในการสงครามให้แก่กองพล 93 ไว้ แล้วผู้บังคับบัญชาทางทหารของจำเลยจ่ายอาวุธปืนดังกล่าวนั้นให้จำเลย ดังนี้ จำเลยมิใช่ทหารของประเทศไทย เป็นแต่ผู้อพยพซึ่งอยู่ในความควบคุมของ บก. 04 จึงไม่มีสิทธิครอบครองได้อย่างทหาร เมื่อจำเลยมีไว้ในความครอบครองจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืน ปสบ. ๘๗ บ.๒ หมายเลข ๖๒๔๓๕๑๒ หนึ่งกระบอก ปืนรีวอลเวอร์ตราม้าขนาด .๓๒ หนึ่งกระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ กับมีกระสุนปืน ปสบ. ๘๗ จำนวน ๑๒๔ นัดกับกระสุนชนิด .๓๒ จำนวน ๒๑ นัด อาวุธปืน ปสบ. และกระสุนปืน ปสบ.ดังกล่าวเป็นของสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เหตุเกิดที่ตำบลแม่สรวยอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒, ๕๕, ๗๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๔, ๕, ๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๐๑ และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้องลงโทษฐานมีอาวุธปืนสั้นและกระสุนปืนจำคุก ๖ เดือน ฐานมีปืนราชการสงครามจำคุก ๑ ปี รวมจำคุก๑ ปี ๖ เดือน คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่อาวุธปืน ปสบ. ๘๗ของกลางฟังได้ว่าเป็นของราชการทหาร ไม่อยู่ในข่ายจะริบได้ พิพากษาแก้เฉพาะโทษริบ เป็นว่าอาวุธปืน ปสบ. ๘๗ ของกลางไม่ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ซึ่งข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเป็นบุคคลอยู่ในความควบคุมของ บก.๐๔ (กองอำนวยการควบคุมและพัฒนาอาชีพผู้อพยพ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่) และเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืน ปสบ. ๘๗ หมายเลข ๖๒๔๓๕๑๒ ของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนของ บก.๐๔ ปัญหาว่าจำเลยจะมีความผิดหรือไม่
ได้พิเคราะห์แล้ว ของกลางเป็นอาวุธปืนของราชการทหารใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จำเลยมิใช่ทหารของประเทศไทย เป็นแต่ผู้อพยพซึ่งอยู่ในความควบคุมของ บก.๐๔ จึงไม่มีสิทธิครอบครองได้อย่างทหาร เมื่อจำเลยมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีความผิดตามฟ้องศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงว่าจำเลยเป็นทหารจีนคณะชาติกองพลที่ ๙๓ ซึ่งตกค้างอยู่บริเวณชายแดนไทย แล้วอพยพเข้ามาและอยู่ในความควบคุมของ บก.๐๔ ทาง บก.๐๔ จ่ายอาวุธดังกล่าวให้แก่กองพล ๙๓ ไว้ ตามคำเบิกความของจำเลยได้ความว่าอาวุธปืนดังกล่าวผู้บังคับบัญชาทางทหารของจำเลยจ่ายให้จำเลยใช้ออกติดตามทหารกองพล ๙๓ หลบหนี จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาของจำเลย แล้วมาถูกจับต้องหาคดีนี้ และจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน คดีมีเหตุสมควรปรานีแก่จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกของจำเลยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share