คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขนย้ายกระบือโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะ แล้วถูกตำรวจสกัดจับได้ ห่างจากเขตท้องที่อันเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายกระบือตามประกาศของคณะกรรมการฯ เป็นระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร และก่อนหน้าจะถึงเขตควบคุมฯ ยังมีทางแยกไปอำเภออื่นอีกได้ ดังนี้ หากถือว่ามีเจตนากระทำผิดก็ห่างไกลต่อความผิดสำเร็จ ไม่ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิด จัดอยู่ในชั้นเตรียมการเท่านั้น จากพฤติการณ์และเหตุแวดล้อมต่างๆ ไม่พอบ่งชี้ว่ามีเจตนากระทำผิดฐานพยายามขนย้ายกระบือเข้าไปในเขตควบคุมฯ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆในภาวะคับขันพ.ศ.2488

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องความว่า อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ (กระทรวงพาณิชย์) ได้ออกประกาศคณะกรรมการ ฉบับที่ 102 พ.ศ. 2515 เรื่องควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์มีชีวิต กำหนดให้โคกระบือซึ่งมีชีวิตเป็นสิ่งที่อยู่ในความควบคุมและกำหนดในท้องที่เขตอำเภอสะเดาและอำเภอนาทวีจังหวัดสงขลาเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายจำเลยทราบประกาศนั้นแล้วได้ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว โดยทำการเคลื่อนย้ายกระบือมีชีวิตจำนวน 9 ตัว จากอำเภอสะบ้าย้อย เพื่อจะพาเข้าไปในเขตท้องที่อำเภอนาทวีและท้องที่อำเภอสะเดา อันเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายโคกระบือทั้งนี้ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้รักษาการแทนตามกฎหมาย จำเลยกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นยังไม่บรรลุผล เนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองพร้อมด้วยของกลาง คือกระบือ 9 ตัว และรถยนต์บรรทุก 1 คัน ซึ่งเป็นพาหนะบรรทุกกระบือได้เสียก่อน คดีนี้มีผู้นำจับเพื่อขอรับเงินสินบนด้วย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488 มาตรา 4, 10, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 5, 6, 7, 8, 9 ริบของกลาง และจ่ายเงินรางวัลและเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยตั้งใจบรรทุกกระบือผ่านอำเภอนาทวีซึ่งเป็นเขตห้าม แม้จุดที่จำเลยถูกจับกุมจะอยู่ห่างจากเขตอำเภอนาทวีประมาณ 28 กิโลเมตร การกระทำของจำเลยก็พ้นขั้นเตรียมการแล้ว ประกอบกับถนนไปอำเภอนาทวีลาดยางแล้ว รถอาจวิ่งไปถึงในชั่วเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง หากจำเลยไม่ถูกสกัดจับเสียก่อน คงนำกระบือผ่านเข้าเขตอำเภอนาทวีได้ นับว่าใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จ จึงเป็นความผิดฐานพยายามเคลื่อนย้ายกระบือเข้าไปในเขตควบคุม ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2006/2497 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือนปรับคนละ 1,000 บาท โทษจำให้รอไว้กำหนด 2 ปี จ่ายเงินรางวัลและเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จุดที่จำเลยถูกจับกุมในเขตอำเภอสะบ้าย้อยไปถึงเขตอำเภอนาทวีมีระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นระยะทางไกลกับอำเภอนาทวีมาก ทั้งมีทางแยกไปอำเภอเทพาก็ได้ เมื่อเข้าไปถึงอำเภอเทพาแล้วก็ผ่านอำเภอจะนะเข้าอำเภอหาดใหญ่ ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาฎีกาที่ 2006/2497 ไม่ตรงกับคดีนี้ เพราะตามคดีนั้นจำเลยมุ่งหน้าเข้าไปทางประเทศพม่า ซึ่งเห็นเจตนาของจำเลยว่ามิได้ไปที่อื่น คดีนี้จำเลยอาจบรรทุกกระบือไปตามถนนสายอำเภอเทพา ไม่จำต้องไปทางอำเภอสะเดาหรืออำเภอนาทวี ไม่พอฟังว่าจำเลยพยายามเคลื่อนย้ายกระบือของกลางเข้าไปในเขตควบคุมพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ คืนของกลางทั้งหมดแก่เจ้าทรัพย์

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองขนย้ายกระบือมีชีวิตทั้ง 9 ตัวโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะ แล้วถูกตำรวจสกัดจับได้ห่างจากเขตท้องที่อันเป็นเขตควบคุม ฯ การเคลื่อนย้ายกระบือเป็นระยะทาง 28 กิโลเมตร และก่อนที่จะถึงเขตควบคุม ฯ มีทางแยกไปอำเภออื่นได้ และวินิจฉัยว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ประจักษ์ถึงความผิดของจำเลยว่า จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้ว เพียงแต่การขนย้ายกระบือเท่าที่จำเลยกระทำมานั้น ไม่พอพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาเพื่อขนย้าย เข้าไปในท้องที่เขตอำเภอนาทวี เพราะระยะทางยังอยู่ห่างไกลจากเขตควบคุมถึง 28 กิโลเมตร การกระทำของจำเลยหากจะถือว่ามีเจตนาจะกระทำผิดก็จัดอยู่ในขั้นเตรียมการเท่านั้น เนื่องจากยังห่างไกลต่อความผิดสำเร็จ คือขนย้ายโดยฝ่าฝืนเข้าไปในเขตท้องที่อำเภอนาทวีเป็นอันมากจะถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้วยังไม่ได้เพราะการขนย้ายภายในเขตอำเภอสะบ้าย้อยยังไม่เกิดเป็นความผิดแต่ประการใด จากพฤติการณ์และเหตุแวดล้อมต่าง ๆ ไม่พอบ่งชี้แน่ชัดว่า การขนย้ายกระบือของจำเลยจะเข้าลักษณะมีเจตนากระทำความผิดฐานพยายามขนย้ายเข้าไปในเขตควบคุมท้องที่อำเภอนาทวีไปได้ จึงเอาผิดกับจำเลยทั้งสองไม่ได้ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และคืนของกลางนั้นชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share