คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2357/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตำรวจจับผู้กระทำความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 ผู้ถูกจับยอม ไปกับตำรวจ ก็ไม่จำเป็นต้องจับตัวไปและไม่ต้องใช้เครื่องพันธนาการ เพียงแต่แจ้งข้อหาและบอกให้ไปสถานีตำรวจก็เป็นการจับแล้ว บันทึกการจับจะทำตรงที่จับหรือทำที่ใดก็ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 48, 73, 84 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงคงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2521 เวลา 18 นาฬิกา พันตำรวจตรีเฉลิม สังข์ทอง ร้อยตำรวจโททองเริ่ม กลิ่นกระจาย นั่งรถยนต์กลับจากราชการ พบจำเลยแต่งเครื่องแบบตำรวจสีเขียวขับรถยนต์บรรทุก มีราษฎรสองคนอยู่บนรถยนต์ด้วย จึงเรียกให้หยุดพบไม้แปรรูปไม่มีรอยตราของเจ้าพนักงานประทับ จำนวน 158 แผ่นปริมาตร 2.04 ลูกบาศก์เมตร จึงจับกุมจำเลยและชาย 2 คนที่อยู่บนรถยนต์คือ นายประดิษฐ์ มังกรและนายเพิก ดีปีน ส่งพนักงานสอบสวนในข้อหาร่วมกันมีไม้แปรรูปผิดกฎหมาย พนักงานอัยการประจำศาลแขวงพิษณุโลกฟ้องคนทั้งสองต่อศาลแขวงพิษณุโลก นายประดิษฐ์และนายเพิกรับสารภาพศาลแขวงพิษณุโลกพิพากษาลงโทษไปแล้ว และสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่จำเลยอ้างว่าเป็นผู้จับนายประดิษฐ์และนายเพิกมีพฤติการณ์เป็นพิรุธ เพราะจำเลยไม่ได้ทำบันทึกการจับกุมและปล่อยให้นายประดิษฐ์และนายเพิกนั่งมาในรถยนต์คันเดียวกับจำเลย โดยจำเลยเป็นคนขับรถยนต์ ผู้ต้องหามีโอกาสที่จะหลบหนีหรือทำอันตรายแก่จำเลยได้และพฤติการณ์ของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยได้ร่วมกับนายประดิษฐ์และนายเพิกกระทำความผิดในคดีนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าการทำบันทึกการจับกุมจะทำตรงที่จับกุมหรือที่ใดก็ได้ เช่นในกรณีพันตำรวจตรีเฉลิมจับกุมจำเลยกับพวกก็ทำบันทึกกันที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอวังทอง ฉะนั้นจะนำข้อพิรุธที่จำเลยไม่ทำบันทึกการจับกุมนายประดิษฐ์และนายเพิกมาเป็นเหตุยืนยันว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับนายประดิษฐ์และนายเพิกยังไม่ได้ ส่วนการที่จำเลยจับกุมตัวนายประดิษฐ์และนายเพิกให้นั่งรถยนต์บรรทุกมาโดยไม่ใช่เครื่องพันธนาการทั้ง ๆ ที่จำเลยผู้จับมีแต่ผู้เดียว ก็ยังฟังเป็นข้อพิรุธไม่ได้ถนัดเพราะจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาย่อมมีอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้าได้ และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 บัญญัติว่าเจ้าพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับนั้นว่าเขาต้องถูกจับ แล้วสั่งให้ผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจพร้อมด้วยผู้จับ แต่ถ้าจำเป็นก็ให้จับตัวไป ในกรณีจำเลยเพียงแต่บอกนายประดิษฐ์กับนายเพิกว่าถูกจับในข้อหามีไม้แปรรูปผิดกฎหมาย และให้คนทั้งสองไปสถานีตำรวจพร้อมกับจำเลยก็ถือว่าเป็นการจับตามกฎหมายแล้วเมื่อได้ความว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรับสารภาพยอมไปกับจำเลยด้วยดี จำเลยก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีจับตัวไป เมื่อจำเลยไม่ใช่วิธีจับตัวผู้ต้องหาถูกจับ จึงไม่ต้องใช้เครื่องพันธนาการเพื่อป้องกันมิให้ผู้ถูกจับหลบหนีพฤติการณ์ของจำเลยตามพยานหลักฐานของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ร่วมกับนายประดิษฐ์และนายเพิกกระทำความผิดตามฟ้อง”

พิพากษายืน

Share