แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เรียกและรับเงินจากผู้ต้องหาอ้างว่าจะเอาไปให้พนักงานสอบสวนเพื่อช่วยให้พ้นคดีที่ต้องหา เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143
ย่อยาว
จำเลยเรียกเงินและรับไป 15,000 บาทเพื่อเอาไปให้นาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเรียกและรับเงินจากนายห่าม นางบุญ จันทร์ดวง โดยอ้างว่าจะเอาไปให้นาย เพื่อช่วยให้นายห่ามพ้นจากคดีที่ต้องหาจริง ส่วนคำว่า “นาย” ที่จำเลยอ้างหมายถึงบุคคลใดนั้น โจทก์มีพันตำรวจตรีกมล โสภารัตน์ สารวัตรสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามง่ามเบิกความว่า ในท้องถิ่นจังหวัดที่เกิดเหตุเรียกข้าราชการสัญญาบัตรว่า “เจ้านาย”ร้อยตำรวจเอกสุวัจน์ อำพันพงษ์ รับราชการสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามง่ามเบิกความว่า คำว่า “เจ้านาย” ที่ใช้ในท้องถิ่นเกี่ยวกับการสอบสวนคงหมายถึงพนักงานสอบสวนแต่อาจหมายถึงพนักงานฝ่ายปกครองหรือฝ่ายต่างๆ ด้วยและร้อยตำรวจตรีสุวัชร สุวรรณพันธ์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า “นาย” ในคดีนี้หมายถึงพนักงานสอบสวน เพราะคดีอยู่ที่พนักงานสอบสวน ดังนี้แม้คำว่า “นาย” อาจหมายถึงข้าราชการทั่ว ๆ ไปด้วยก็ตามแต่คดีนี้จำเลยเรียกเงินไปให้นาย เพื่อช่วยให้นายห่ามพ้นจากคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวนและนายห่ามนางบุญยินยอมให้เงินไป จึงเป็นเข้าใจกันระหว่างจำเลยกับนายห่ามนางบุญว่า “นาย” ที่จำเลยอ้างหมายถึงพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจดำเนินคดีกับนายห่ามนั่นเอง หาอาจหมายถึงบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีอำนาจหน้าที่ในคดีที่นายห่ามต้องหา อันจะทำให้การกระทำของจำเลยมิใช่กระทำไปเพื่อจูงใจเจ้าพนักงานดังจำเลยฎีกาไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเรียกเงินเพื่อเป็นการตอบแทนในการจะจูงใจพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจดำเนินคดีกับนายห่าม โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่ ให้นายห่ามพ้นข้อกล่าวหา และพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน