คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2352/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยครอบครองเรือยนต์ของผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยนำไปทำการดูดแร่ในทะเลแล้วจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์นั้นเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ดังนี้ ข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเบียดบังนั้น โจทก์มิได้ระบุ การกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างไรที่พอจะถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สาม โดยทุจริต เมื่อโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควร เท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1057/2514)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2502 จำเลยครอบครองเรือยนต์ของนางเหรียญทอง โดยนางเหรียญทองมอบหมายให้จำเลยนำเรือยนต์ดังกล่าวไปทำการดูดแร่ในทะเล แล้วให้จำเลยนำเรือยนต์ส่งคืนภายในเดือนพฤษภาคม 2520 นับตั้งแต่วันที่จำเลยครอบครองเรือยนต์ดังกล่าวตลอดมาจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2520 จำเลยบังอาจเบียดบังเอาเรือยนต์ของนางเหรียญทองไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราา 352

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย วินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ฟ้องจะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดฯลฯ มาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยครอบครองเรือยนต์ของนางเหรียญทอง โดยนางเหรียญทองมอบหมายให้จำเลยนำเรือยนต์ดังกล่าวไปทำการดูดแร่ในทะเลแล้วจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์นั้นเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตเห็นว่าข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเบียดบังนั้น โจทก์มิได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างไรที่พอจะถือได้ว่า จำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต เมื่อโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1057/2514

พิพากษายืน

Share