แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินโจทก์ซึ่งตัวแทนจำเลยทำการสร้างถนนผ่านอยู่ในแนวเขตที่จะถูกเวนคืนโดยอยู่ในท้องที่แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวากรุงเทพมหานคร แม้พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกในท้องที่แขวงวัดท่าพระฯจะไม่ได้กำหนดรวมเอาท้องที่ดังกล่าวไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ระบุท้องที่เขตยานนาวาไว้ด้วยแล้ว หาใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะไม่ได้ถูกเวนคืนตามกฎหมายฉบับอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์เห็นว่าค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดยังไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมตามส่วนที่ควรจะได้รับ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินในส่วนนี้เพิ่มจากจำเลยได้ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ่ายค่าทดแทนที่ดินในการเวนคืนให้แก่โจทก์ต่ำเกินไป และไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายในส่วนที่ต่ำไปให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์เป็นธรรมแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่ตามกฎหมายอื่น
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 280,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 มิถุนายน2527 ให้แก่โจทก์
โจทก์ทั้งสองและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ทั้งสองมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ และจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้โจทก์ทั้งสองหรือไม่ เพียงใด ศาลฎีกาเห็นว่า นอกจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้มอบการดำเนินการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินสายรัชดาภิเษกให้แก่กรุงเทพมหานคร จำเลย และเปลี่ยนประเภททางหลวงพิเศษสายรัชดาภิเษกเป็นทางหลวงเทศบาลตามเอกสารหมาย ล.3 และ ล.6 แล้ว ยังมีพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกตอนแขวงวัดท่าพระ-แขวงสามเสนนอก พ.ศ. 2524 ข้อ 4 กำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นผู้แทนของกรุงเทพมหานครจำเลย และในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ย่อมมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยดำเนินการสำรวจออกแบบและก่อสร้างทางหลวงสายดังกล่าว เพื่ออนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาใหม่ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.11 ได้ จึงถือได้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นตัวแทนของกรุงเทพมหานครจำเลยในการดำเนินการดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการก่อสร้างทางหลวงสายดังกล่าว การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ทำการสร้างถนนผ่านที่ดินของโจทก์ทั้งสองจำนวน51 ตารางวา โดยที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ในแนวเขตที่จะถูกเวนคืนปรากฏตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งตรงกับเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 และจำเลยมิได้โต้แย้งว่าอยู่นอกเขตการเวนคืน คงให้การต่อสู้เฉพาะการกำหนดค่าทดแทนเพียงข้อเดียวเท่านั้น ดังนั้นแม้คู่ความทั้งสองฝ่ายจะแถลงรับกันว่าตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกในท้องที่แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ แขวงตลาดพลู แขวงบุคคโล เขตธนบุรีแขวงคลองเตย เขตพระโขนง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงห้วยขวางเขตห้วยขวาง แขวงลาดยาว เขตบางเขน และแขวงบางซื่อ เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2526 จะไม่ได้กำหนดท้องที่แขวงช่องนนทรีเขตยานนาวา ไว้ก็ตาม ก็หาใช่ว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสองจะมิได้ถูกเวนคืนตามกฎหมายฉบับอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์ทั้งสองเห็นว่าค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดยังไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมตามส่วนที่ควรจะได้รับโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินในส่วนนี้เพิ่มจากกรุงเทพมหานคร จำเลยได้ ตามข้อ 67 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่295 เรื่องทางหลวง ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.