แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร ผู้ใดให้เช่าทรัพย์สินอันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามาผู้นั้นจึงเป็นผู้ต้องเสียภาษีเงินได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของ และผู้ให้เช่าเครื่องเรือนค่าเช่าที่ได้มาย่อมเป็นเงินได้ การที่โจทก์จำหน่ายเงินได้นี้โดยยกให้บุคคลอื่นหรือใช้จ่ายในเหตุอื่นก็ตาม โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ให้บุคคลอื่นเช่าบ้านพร้อมด้วยเครื่องเรือน ต่อมาโจทก์ได้ยกเครื่องเรือนในบ้านให้นางเรณูเพื่อเก็บค่าเช่าเป็นรายได้ส่วนตัว ซึ่งนางเรณูได้ให้ผู้เช่าบ้านโจทก์เช่าเครื่องเรือนดังกล่าว ต่อมาสิ้นปี พ.ศ. 2499 โจทก์และนางเรณู ต่างได้เสียภาษีเงินได้แล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินภาษีเรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ แต่อธิบดีกรมสรรพากรให้ยกอุทธรณ์ ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บ 12,052.47 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บเพิ่มใหม่ 12,052.47 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้พิพาทกันเรื่องภาษีเงินได้ และเป็นเงินได้ซึ่งได้จากให้เช่าเครื่องเรือนซึ่งเป็นเงินได้ตามมาตรา40(5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากรและพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 มาตรา 17 คือ เป็นเงินที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน ฉะนั้น ผู้ใดเป็นผู้ให้เช่าทรัพย์สินคือ เครื่องเรือนรายนี้อันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามา ผู้นั้นก็เป็นผู้ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นว่าคดีนี้แม้แต่โจทก์ไม่ยกเครื่องเรือนให้แก่นางเรณูเสียเลย ยกให้แต่เงินได้คือ ค่าเช่า ก็ต้องถือว่าค่าเช่านั้นเป็นเงินได้ของนางเรณูไม่ใช่เงินได้ของโจทก์อันจะต้องเสียภาษีเงินได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะถ้าโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องเรือนและเป็นผู้ให้เช่าเครื่องเรือนนั้น ค่าเช่าที่ได้มาในเบื้องแรกย่อมตกเป็นของโจทก์ เข้าประเภทเงินได้ตามมาตรา 40(5)(ก) ดังกล่าวข้างต้นซึ่งโจทก์เป็นผู้มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีเงินได้หาใช่ผู้ใดอื่นไม่การที่โจทก์จะจำหน่ายเงินได้ คือ ค่าเช่านี้ไปประการใด จะให้แก่นางเรณู หรือจะใช้จ่ายในเหตุอื่นใดก็ตาม ก็หาทำให้โจทก์หลุดพ้นหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินค่าเช่าที่ได้รับมานั้นแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้นปัญหาสำคัญในคดีนี้จึงอยู่ที่ว่า ใครเป็นผู้ให้เช่าเครื่องเรือนรายนี้ ซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้ค่าเช่าจากการเช่าเครื่องเรือนนั้น
ข้อเท็จจริงมีว่า เมื่อเครื่องเรือนนี้ยังเป็นของโจทก์อยู่และโจทก์เป็นผู้ให้เช่า ค่าเช่านั้นย่อมเป็นเงินได้ของโจทก์แม้โจทก์จะให้ค่าเช่านั้นแก่นางเรณูไปใช้จ่ายโจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง