แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนจำเลยยื่นคำร้องขอให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกพ. ยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลตั้งตนเองและโจทก์ในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันตามพินัยกรรมที่เจ้ามรดกทำไว้ ศาลพิพากษาให้ยกคำคัดค้านโดยฟังว่าเจ้ามรดกมิได้ทำพินัยกรรมไว้ คดีถึงที่สุด ดังนี้ถือได้ว่า พ.ได้ยื่นคำร้องในคดีก่อนแทนโจทก์ด้วย การที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้ศาลตั้งโจทก์และ พ.เป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างพินัยกรรมนั้นอีก อันเป็นประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับที่ พ.ร้องคัดค้านแทนโจทก์ในคดีก่อน จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
เรื่องฟ้องซ้ำเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และ พ. เป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่าเจ้ามรดกมิได้ทำพินัยกรรมไว้ พ. ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ตั้ง พ. และโจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่มีพินัยกรรม โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียเพราะเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ขอให้ศาลถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งให้โจทก์กับ พ. ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกแทน
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมของเจ้ามรดก มิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย พินัยกรรมที่โจทก์กล่าวอ้างเป็นพินัยกรรมปลอมจำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยไม่ชอบหรือไม่สุจริตแต่ประการใด
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีมีข้อโต้แย้งอยู่ว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้หรือไม่ ถ้าพินัยกรรมมีจริงโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสีย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่าจำเลยที่ 1 เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้โดยอ้างว่าเจ้ามรดกมิได้ทำพินัยกรรมไว้ซึ่งในคดีนั้น พ.ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมไว้ ขอให้ตั้ง พ. กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ผลที่สุดศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสามในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่มีพินัยกรรม การที่ พ. ร้องขอให้ตั้งตนเองและโจทก์ในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันตามพินัยกรรมในคดีก่อน ถือได้ว่า พ.ร้องคัดค้านแทนโจทก์ด้วย เมื่อคดีก่อนศาลพิพากษาให้ยกคำคัดค้านโดยฟังว่าเจ้ามรดกมิได้ทำพินัยกรรมไว้ คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ การที่โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลตั้งโจทก์และ พ.เป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างพินัยกรรมนั้นอีก อันเป็นประเด็นข้อโต้เถียงอย่างเดียวกันกับที่ พ. ร้องคัดค้านแทนโจทก์ในคดีก่อน จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เรื่องฟ้องซ้ำเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์