คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ในกรณีที่บิดาผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้เสียหายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ในฐานะผู้จัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) นั้น เมื่อบิดาผู้เสียหายตายลงระหว่างพิจารณา ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของบิดาผู้เสียหาย (พี่ชายผู้เสียหาย) หามีสิทธิดำเนินคดีต่างบิดาผู้เสียหายต่อไปตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 29 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ เพราะบิดาผู้เสียหายเป็นผู้จัดการแทนผู้เสียหาย ซึ่งถูกทำร้ายถึงตายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงนางบุญเหลือ ธนูศร บุตรโจทก์และเป็นภรรยาจำเลยตายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การว่า ได้ใช้ปืนยิงนางบุญเหลือ ธนูศร แต่ได้กระทำไปเพื่อป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุ

ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาคดีนี้กับคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดมหาสารคามเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านางบุญเหลือผู้ตายและฐานพยายามฆ่านายเรืองยศผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และคดีที่นายเรืองยศเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 80

ระหว่างพิจารณานายตือ แซ่เตีย หรือ แซ่เซีย โจทก์ถึงแก่กรรม นายโกวิทย์เชื้อพาณิชย์ หรือ แซ่เตีย หรือแซ่เซีย บุตรนายตือร้องขอดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไป

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 72 ตามคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดมหาสารคามเป็นโจทก์ ให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก 2 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์คดีนี้กับคดีที่นายเรืองยศเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ตายและนายเรืองยศลอบเป็นชู้กันต่างมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด จึงไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย และในกรณีที่นายตือ (โจทก์) ตายลง นายโกวิทย์ (ผู้ร้อง)ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานของนายตือก็ไม่มีสิทธิร้องขอดำเนินคดีต่างนายตือต่อไปได้

นายโกวิทย์ (ผู้ร้อง) อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่านายโกวิทย์ผู้ร้องมีสิทธิดำเนินคดีต่างนายตือ แซ่เตีย หรือ แซ่เซีย โจทก์ต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 และฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นบันดาลโทสะและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 จำคุก 20 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 30 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 จำคุก 20 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายคดีนี้คือนางบุญเหลือ ธนูศร ซึ่งถูกทำร้ายถึงตาย ส่วนนายตือโจทก์ซึ่งเป็นบิดานางบุญเหลือผู้ตายได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ นายตือโจทก์จึงเข้าจัดการแทนนางบุญเหลือผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) ดังนั้น การที่นายตือโจทก์ตายลงระหว่างพิจารณา นายโกวิทย์ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรนายตือโจทก์หามีสิทธิดำเนินคดีต่างนายตือโจทก์ผู้ตายต่อไปตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 29 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ เพราะนายตือโจทก์เป็นผู้จัดการแทนนางบุญเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกทำร้ายถึงตายเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่านายโกวิทย์ผู้ร้องมีสิทธิเข้าดำเนินคดีแทนนายตือโจทก์ซึ่งตายลงระหว่างพิจารณาต่อไปได้นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share