แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีอาญาที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นป.วิ.อ.มาตรา221ให้อำนาจผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์อนุญาตให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เมื่อเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดแต่อำนาจอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษามิใช่อำนาจของศาลศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนหนึ่งซึ่งมิได้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งจึงไม่มีอำนาจอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10,12 และ 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน และปรับ 2,500 บาทของกลางริบ และจ่ายสิบบนนำจำ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จำเลยฎีกาโดยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษานายหนึ่งซึ่งมิได้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้ง สั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ว่า ควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ และสั่งรับฎีกาจำเลยข้อ 2 ก. ว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
พิเคราะห์แล้ว คดีอาญาที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ให้อำนาจผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์อนุญาตให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ เมื่อเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด แต่อำนาจอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษา มิใช่อำนาจของศาล ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจอนุญาตให้จำเลยำีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ผลจึงเป็นว่า จำเลยยังคงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ำีกาจำเลยข้อ 2 ก. ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับของกลาง แล้วสรุปว่าไม่ควรฟังว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย ศาบฎีกาไม่รับวินิจฉัย”.