แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีผู้แจ้งความแก่เจ้าพนักงานว่า จำเลยขายสลากกินรวบโดยไม่รับอนุญาต เจ้าพนักงานจึงพากันไปซุ่มคอยจับโดยจัดให้ตำรวจคนหนึ่งปลอมตัวเป็นราษฎรเข้าไปขอซื้อสลากกินรวบจากจำเลยๆ ก็ขายให้ แล้วเจ้าพนักงานจึงเข้าจับจำเลยพร้อมของกลาง ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานเล่นการพนันเป็นเจ้ามือขายสลากกินรวบ เพราะการที่ตำรวจปลอมตัวไปซื้อสลากกินรวบจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานแห่งการกระทำผิดของจำเลยตามที่มีผู้แจ้งความไว้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2504)
ย่อยาว
ทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้แจ้งความกับตำรวจว่าจำเลยขายสลากกินรวบโดยไม่รับอนุญาตตำรวจจึงพากันไปซุ่มคอยจับโดยจัดให้ตำรวจคนหนึ่งปลอมตัวเป็นราษฎรไปขอซื้อสลากกินรวบจำเลยๆ ก็ขายให้ แล้วตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงเข้าจับจำเลยพร้อมของกลาง ดังนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔,๑๐,๑๒,๑๕ ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก ๑ เดือน และปรับ ๑,๒๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้ใน ๒ ปี ของกลางริบ ปากกาคืนจำเลยและให้จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า จำเลยไม่ผิดพระราชบัญญัติการพนัน อ้างฎีกาที่ ๘๒๙/๒๕๐๐
ศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงเช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จะถือว่าการที่ตำรวจปลอมตัวเข้าไปขอซื้อสลากกินรวบจากจำเลยตำรวจไม่มีเจตนาเล่นการพนันกับจำเลย จำเลยจึงไม่ได้เล่นการพนันหาไม่ได้ การที่ตำรวจปลอมตัวไปขอซื้อสลากกินรวบจากจำเลยนั้น เป็นการกระทำเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานแห่งการกระทำผิดของจำเลยตามที่มีผู้แจ้งความแก่เจ้าพนักงานว่า จำเลยขายสลากกินรวบโดยไม่รับอนุญาต การที่จำเลยขายสลากกินรวบให้ตำรวจ จำเลยมีเจตนาเล่นการพนันตรงไปตรงมา
พิพากษายืน