คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2475

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การโอนหนี้ต้องทำเป็นหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้
วิธีพิจารณาแพ่ง
อย่างไรเรียกว่าคดีเสร็จเด็ดขาด
ศาลยกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าการโอนหนี้ยังไม่สมบูรณ์ต่อมาเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งการโอนไปยังผู้ค้ำประกันอีกดังนี้ โจทก์ฟ้องไม่ได้เข้าข้อค้านตาม ม.3 วิธีพิจารณาความแพ่ง การโอนหนี้ให้ผู้อื่นไม่เรียกว่าเป็นการผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้

ย่อยาว

ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ ๑ หลวงนาวาสวัสดิ์การ และขุนประดิษฐเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ซึ่งพระยาอมรวิลัยสรเดชเป็นเจ้าหนี้ พระยาอมรฯ ได้โอนหนี้รายนี้ให้โจทก์โดยมิได้แจ้งให้จำเลยที่ ๑ และหลวงนาวาฯทราบ โจทก์ฟ้องผู้กู้และผู้ค้ำประกัน ศาลฎีกายกฟ้องโจทก์ฉะเพาะจำเลยที่ ๑ และหลวงนาวาฯกล่าวว่าการโอนหนี้ยังไม่สมบูรณ์
ต่อมาพระยาอมรฯ มีหนังสือแจ้ง การโอนหนี้ไปยังจำเลยทั้ง ๒ สมบูรณ์ตามกฎหมาย และขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้ง ๒ ชำระหนี้รายนี้
จำเลยต่อสู้ว่าคดีของโจทก์เสร็จเด็ดขาดตาม ม. ๓ แห่ง พ.ร.บ. วิธีพิจารณาความแพ่ง คดีเป็นอันระงับไปแล้วหรือมิฉะนั้น โจทก์และพระยาอมรฯ ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ผู้กู้โดยจำเลยมิได้ตกลงด้วยตาม ม. ๗๐๐ แห่งประมวลแพ่ง ฯ จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่าง ทั้ง ๒ ว่า ที่ศาลพิจารณาให้คดีก่อนว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดเพราะสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ยังสมบูรณ์ เมื่อโจทก์ปฏิบัติการโอนโดยแจ้งเป็นลายลักษณอักษร ให้จำเลยทราบแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องอีกได้ และการโอนหนี้ให้ผู้อื่นไม่ใช่เป็นการผ่อนเวลาชำระหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ ให้จำเลยใช้เงิน

Share