คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาตกลงกันว่าผู้ขายตกลงจะทำถนนผ่านที่ดินในส่วนของผู้ขายหลังจากแบ่งแยกโฉนดขายให้แก่ผู้ซื้อแล้ว หากผิดสัญญายอมให้ผู้ซื้อปรับผู้ขายเป็นเงินห้าหมื่นบาทข้อตกลงดังกล่าวนี้เป็นเรื่องสัญญาว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อไม่ชำระหนี้ เมื่อผู้ซื้อตกลงเรียกเอาเบี้ยปรับแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกให้ทำถนนอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแบ่งขายที่ดินให้โจทก์โดยจำเลยสัญญาว่าหลังจากแบ่งแยกโฉนดให้โจทก์แล้ว จำเลยจะทำถนนในที่ดินของจำเลยผ่านที่ดินที่ขายให้โจทก์ไปบรรจบกับทางเข้าเดิมซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเพื่อให้โจทก์มีถนนออกไปสู่ทางสาธารณะ หากจำเลยผิดสัญญาไม่ทำถนนภายในเวลาที่กำหนดจำเลยยอมใช้เบี้ยปรับให้โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท ต่อมาจำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาแล้วแต่ไม่ยอมทำถนนถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเบี้ยปรับ 50,000 บาทมาชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยรับหนังสือแล้วไม่นำเบี้ยปรับมาชำระ ขอให้บังคับจำเลยทำถนนตามสัญญาหากจำเลยไม่ทำให้โจทก์ทำโดยให้จำเลยออกค่าจ้างในการทำจนครบ และให้จำเลยชำระเบี้ยปรับ50,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญา เบี้ยปรับสูงเกินไป เมื่อโจทก์บังคับเอาเบี้ยปรับแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้ชำระหนี้หรือกระทำการอย่างอื่นอีก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ประสงค์เรียกเบี้ยปรับอย่างเดียว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทำถนนต่อไป พิพากษาให้จำเลยชำระเบี้ยปรับให้โจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้บังคับจำเลยทำถนนและใช้เบี้ยปรับเพิ่มอีก 20,000 บาท

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์แสดงเจตนาเลิกสัญญากับจำเลย เมื่อโจทก์ใช้สิทธิทางบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาอีก พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับปัญหาเรื่องโจทก์มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยทำถนนและเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาทั้งสองกรณีหรือไม่ เห็นว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไว้ว่า”ผู้จะขายตกลงจะทำถนนผ่านที่ดินในส่วนของผู้จะขายภายหลังจากที่ได้แบ่งแยกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อ เมื่อผลแห่งการซื้อขายที่ดินตามสัญญานี้ได้สำเร็จบริบูรณ์แล้ว เพื่อให้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ได้ โดยผู้ขายยินดียกที่ดินส่วนที่เป็นถนนดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะ” และในสัญญาดังกล่าวด้านหลังมีข้อความเพิ่มเติมสัญญาว่า “ผู้จะขายขอรับรองจะปฏิบัติตามสัญญาเดิมกับผู้จะซื้อ ฯลฯ ถ้าหากผู้ขายผิดสัญญาในข้อตกลงอย่างหนึ่งอย่างใดที่ได้ให้กับผู้ซื้อในวันนี้ ผู้ขายยินดียอมให้สัญญากับผู้ซื้อใช้เบี้ยปรับเป็นค่าเสียหายห้าหมื่นบาท” ข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายว่า หากจำเลยไม่ทำถนน จำเลยยอมให้โจทก์ปรับจำเลยเป็นเงินห้าหมื่นบาท เป็นเรื่องที่จำเลยสัญญาว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้และเมื่อพิเคราะห์ตามฟ้องแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อจำเลยไม่ทำถนน จึงให้ทนายความมีหนังสือถึงจำเลยให้นำเบี้ยปรับ 50,000 บาทมาชำระแก่โจทก์เห็นได้ว่าโจทก์เจตนาเรียกเบี้ยปรับ เมื่อโจทก์เรียกเบี้ยปรับแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทำถนนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยชำระเบี้ยปรับให้เต็มตามสัญญานั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยไม่ทำถนนให้เสร็จตามสัญญา จึงเห็นสมควรให้จำเลยชำระเบี้ยปรับเต็มจำนวน ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเบี้ยปรับให้โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share