คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์โดยวินิจฉัยว่าบ้านจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์แล้ว คดีถึงที่สุด ดังนี้การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่นอกเขตโฉนดที่จำเลยขายให้โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำบังคับนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2799 ร่วมกับบุคคลอื่นหลายคน ต่อมาจำเลยได้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยในโฉนดดังกล่าวให้โจทก์กับพวก และจำเลยขออาศัยในที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์กับพวกที่ซื้อจากจำเลยตอนที่ปลูกบ้านอยู่ติดริมคลอง คือบริเวณหมายสีเขียวในแผนที่สังเขปท้ายคำฟ้องมีกำหนด 1 ปี เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่รื้อถอนบ้านโรงเรือนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยออกไป โจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนและส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ จำเลยก็เพิกเฉยเสีย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นที่ดินโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องต่อไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องอีก และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

ในชั้นบังคับคดี จำเลยโดยนายสมศักดิ์ อรุณพูลทรัพย์ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลว่า บ้านของจำเลยซึ่งศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อถอนนั้น ไม่ได้ปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2799 ของโจทก์ตามฟ้อง ที่ดินส่วนที่จำเลยปลูกบ้านอยู่นั้น เดิมเป็นที่ลำบึงบ้านม้า แต่ลำบึงได้ตื้นเขินขึ้น จำเลยจึงได้ปลูกบ้านในลำบึงบ้านม้าอยู่อาศัยมาช้านานเกินกว่า 40 ปีแล้ว และได้แจ้งการครอบครองเป็นเจ้าของไว้ตามแบบแจ้งการครอบครองเลขที่ 1 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2510ที่ดินที่จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของจึงไม่ใช่ที่ดินในโฉนดของโจทก์และมิใช่เป็นที่ดินที่งอกจากโฉนด โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำบังคับ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเป็นบุคคลในคดี ต้องบังคับตามคำพิพากษาจะอ้างว่าคำพิพากษาหรือคำบังคับไม่ถูกต้องไม่ได้ จำเลยมิได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีหรือใช้สิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายในกำหนด หรือใช้สิทธิอุทธรณ์ในเนื้อหาของคดี แต่กลับมายื่นคำร้องขอสู้คดีกับโจทก์ใหม่ในชั้นบังคับคดี เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ในเขตที่ดินที่โจทก์กับพวกซื้อจากจำเลย จำเลยได้ทำสัญญาขออาศัยโจทก์กับพวกอยู่ชั่วคราวมีกำหนด 1 ปี หากว่าฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยก็ชอบที่จะให้การต่อสู้คดีตามสิทธิของตน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีและคิดถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่า บ้านจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์กับพวก การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีว่า จำเลยปลูกบ้านอยู่นอกเขตโฉนดที่จำเลยขายให้โจทก์กับพวกย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามบทบัญญัติในมาตราดังกล่าวด้วย เป็นกรณีที่ต้องบังคับตามคำพิพากษา

พิพากษายืน

Share