คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นพนักงานของโรงพยาบาลมีหน้าที่รับเงินและออกใบเสร็จให้แก่ผู้มารักษา จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย 500 บาท ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริงมีเพียง 250 บาท โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินจำนวน 500 บาท จากผู้มีชื่อซึ่งเป็นค่ายาของผู้ป่วย แม้คำฟ้องจะไม่ได้ระบุว่าผู้มีชื่อ หรือผู้ป่วยนั้นเป็นใครมีชื่อว่าอย่างไร มีกี่คน แต่ก็ได้ระบุเล่มและเลขที่ของใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกให้แก่ผู้ป่วยไว้ชัดแจ้ง จำเลยย่อมจะทราบดีว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้ป่วยหรือผู้ชำระเงินรายใด เพราะจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเอง และในใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกก็มีรายการว่าได้รับเงินจากใครไว้ด้วย คำร้องของโจทก์ได้บรรยายถึงบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑,๑๕๗, ๑๖๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ จำคุกจำเลย ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินจำนวน ๕๐๐ บาทจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นค่ายาของผู้ป่วย แต่ไม่ได้ระบุว่าผู้มีชื่อหรือผู้ป่วยนั้นเป็นใคร มีชื่อว่าอย่างไร มีกี่คน จึงเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ คำฟ้องนี้จึงไม่สมบูรณ์เป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ได้ระบุใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกให้แก่ผู้ป่วยไว้ชัดแจ้งว่าเป็นใบเสร็จรับเงินเล่มที่ ๘๑๐๘๑ เลขที่ ๐๗ ในราชการโรงพยาบาลบรบือ แม้โจทก์จะไม่ได้บอกชื่อผู้ป่วย หรือ ผู้ชำระเงินตามใบเสร็จนั้นว่าเป็นใคร จำเลยก็ย่อมจะทราบดีว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้ป่วยหรือผู้ชำระเงินรายใดเพราะจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเอง และในใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกตามเอกสารหมาย จ.๖ จ.๗ ก็มีรายการว่าได้รับเงินจากใครไว้ด้วย คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share