คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ว่าบันทึกที่ ส. ทำขึ้นไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะคู่กรณีมิได้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายและไม่มีข้อความแสดงว่าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส. ทำบันทึกดังกล่าวในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงลายมือชื่อก็ต้องผูกพันตามข้อความในบันทึกและใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้ จึงเป็นข้อวินิจฉัยถูกต้องตรงประเด็นตามที่จำเลยอุทธรณ์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 4 เป็นบุตรของนายจันทร์ นางบัวแก้วทิพยเนตร เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2520 นายถวิล แสงไกร ลูกจ้างขับรถยนต์โดยสารประจำทางของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งประกอบกิจการรถยนต์โดยสารร่วมกันได้ขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียวชนรถยนต์ที่นายจันทร์ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้นายจันทร์ถึงแก่ความตาย ผู้ที่นั่งมาในรถด้วยคือนางบัวแก้วถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อเกิดเหตุแล้วนายสุทัศน์ รอดมา ตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้ทำบันทึกยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 344,505 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า เหตุรถชนในคดีนี้เกิดจากความประมาทของนายจันทร์เพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 ไม่ได้ตั้งนายสุทัศน์เป็นตัวแทนไปตกลงประนีประนอมยอมความกับโจทก์ บันทึกที่นายสุทัศน์ทำขึ้นจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 คำฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุม

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่ โดยจำเลยที่ 1 รับผิดเป็นเงิน 271,505 บาท จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดจำนวนเงิน 73,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงิน 244,737 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า การที่รถชนกันเกิดจากการขับรถโดยประมาทของนายถวิลฝ่ายเดียว แล้ววินิจฉัยฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยทั้งสองที่ว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.14เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้วินิจฉัยถูกต้องตรงกับข้ออุทธรณ์ของจำเลยหรือไม่ ว่า ปรากฏจากอุทธรณ์ซึ่งจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า บันทึกตามเอกสารหมาย จ.14 ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะคู่กรณีมิได้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย ไม่มีรอยดวงตาของบริษัทประทับไม่มีข้อความว่าจำเลยสละข้อต่อสู้หรือยอมรับผิดว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาท อันแสดงว่าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนมอบอำนาจให้นายสุทัศน์ รอดมา เจรจาเรื่องค่าเสียหายและขอรับรถยนต์คืน ที่นายสุทัศน์ทำบันทึกเอกสารหมาย จ.14 จึงทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องผูกพันตามข้อความในเอกสารดังกล่าวแม้โจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อก็ใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้เพราะตัวแทนของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อไว้แล้ว ข้อวินิจฉัยดังกล่าวย่อมหมายความรวมถึงการที่จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายผิดไม่มีข้อต่อสู้ และนายสุทัศน์มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนจำเลยที่ 1 ตามหนังสือมอบอำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้องตรงประเด็นตามที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์แล้ว ฯลฯ

พิพากษายืน

Share