แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอุทธรณ์ว่าบันทึกที่ ส. ทำขึ้นไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะคู่กรณีมิได้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายและไม่มีข้อความแสดงว่าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส. ทำบันทึกดังกล่าวในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงลายมือชื่อก็ต้องผูกพันตามข้อความในบันทึกและใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้ จึงเป็นข้อวินิจฉัยถูกต้องตรงประเด็นตามที่จำเลยอุทธรณ์แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๔ เป็นบุตรของนายจันทร์ นางบัวแก้ว ทิพยเนตร เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๐ นายถวิล แสงไกร ลูกจ้างขับรถยนต์โดยสารประจำทางของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ซึ่งประกอบกิจการรถยนต์โดยสารร่วมกัน ได้ขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียวชนรถยนต์ที่นายจันทร์ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้นายจันทร์ถึงแก่ความตาย ผู้ที่นั่งมาในรถด้วยคือนางบัวแก้วถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อเกิดเหตุแล้วนายสุทัศน์ รอดมา ตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ได้ทำบันทึกยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๓๔๔,๕๐๕ บาทพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า เหตุรถชนในคดีนี้เกิดจากความประมาทของนายจันทร์เพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ตั้งนายสุทัศน์เป็นตัวแทนไปตกลงประนีประนอมยอมความกับโจทก์ บันทึกที่นายสุทัศน์ทำขึ้นจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ ๑ คำฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่ โดยจำเลยที่ ๑ รับผิดเป็นเงิน ๒๗๑,๕๐๕ บาท จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดจำนวนเงิน ๗๓,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงิน ๒๔๔,๗๓๗ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า การที่รถชนกันเกิดจากการขับรถโดยประมาทของนายถวิลฝ่ายเดียว แล้ววินิจฉัยฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยทั้งสองที่ว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.๑๔ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้วินิจฉัยถูกต้องตรงกับข้ออุทธรณ์ของจำเลยหรือไม่ ว่า ปรากฏจากอุทธรณ์ซึ่งจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า บันทึกตามเอกสารหมาย จ.๑๔ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะคู่กรณีมิได้ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย ไม่มีรอยดวงตาของบริษัทประทับไม่มีข้อความว่าจำเลยสละข้อต่อสู้หรือยอมรับผิดว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาท อันแสดงว่าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนมอบอำนาจให้นายสุทัศน์ รอดมา เจรจาเรื่องค่าเสียหายและขอรับรถยนต์คืน ที่นายสุทัศน์ทำบันทึกเอกสารหมาย จ.๑๔ จึงทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องผูกพันตามข้อความในเอกสารดังกล่าวแม้โจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อก็ใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้เพราะตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อไว้แล้ว ข้อวินิจฉัยดังกล่าวย่อมหมายความรวมถึงการที่จำเลยที่ ๑ ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายผิดไม่มีข้อต่อสู้ และนายสุทัศน์มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนจำเลยที่ ๑ ตามหนังสือมอบอำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้องตรงประเด็นตามที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์แล้ว ฯลฯ
พิพากษายืน