แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้และรับเงินตามเอกสารซึ่งโจทก์ให้จำเลยลงพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ แล้วโจทก์กรอกข้อความเอาในภายหลัง จำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์ จำเลยเชื่อกลฉ้อฉลของโจทก์ ดังนี้ เรื่องจำเลยไม่ได้รับเงินที่กู้ การกู้จึงไม่สมบูรณ์ตาม มาตรา 650 ไม่ใช่นอกประเด็น
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกประเด็นอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่กล่าวในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระเงินตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กู้และรับเงินจากโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้รายนี้ สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องนั้น เนื่องมาจากโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองลงลายพิมพ์นิ้วมือในกระดาษ เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ชำระหนี้แทนนายเสาร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จำเลยทั้งสองก็ลงลายพิมพ์นิ้วมือให้ไป แล้วโจทก์นำกระดาษนั้นไปเขียนกรอกข้อความลงภายหลังเป็นสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน ดังนี้ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และรับเงินจากโจทก์ไปจริงตามฟ้องหรือไม่ ถ้าไม่ได้รับเงินเลย สัญญากู้หรือหนี้ตามสัญญากู้นั้นก็ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย สำหรับคำให้การของจำเลยทั้งสองที่ว่าจำเลยหลงเชื่อกลฉ้อฉลถึงขนาด ถ้ามิได้มีกลฉ้อฉลเช่นนั้น การลงลายพิมพ์นิ้วมือจะมิได้ทำลงในเอกสารดังกล่าว เพราะจำเลยทั้งสองอ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ ข้อความดังกล่าวก็เป็นแต่เพียงเหตุผลที่ยกขึ้น ประกอบข้อต่อสู้คดีอ้างเหตุว่าสัญญากู้หรือหนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์เท่านั้น หาใช่ยกเอาประเด็นเรื่องกลฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 122ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญากู้รายนี้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650 เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ได้กู้และรับเงินจากโจทก์นั้น จึงไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็น”
พิพากษายืน