คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

มีผู้ปลอมการสลักหลังตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งจ่ายให้แก่บริษัท อ.ถือว่าการสลักหลังเป็นอันใช้ไม่ได้เลย เสมือนหนึ่งว่าบริษัท อ. ไม่เคยสลักหลังตั๋วแลกเงิน ตั๋วแลกเงินยังคงเป็นตั๋วแลกเงินที่สั่งจ่ายระบุชื่อแก่บริษัท อ. อยู่ โจทก์ได้รับตั๋วแลกเงินมาโดยอาศัยการสลักหลังของจำเลยที่ 1 ซึ่งสลักหลังต่อจากการ สลักหลังปลอม จึงเป็นการได้มาโดยการสลักหลังที่ขาดสาย ถือไม่ได้ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงิน จำเลยที่ 6 ซึ่งรับรองตั๋วแลกเงิน ก่อนมีการสลักหลังปลอมจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วแลกเงินและเช็ค จำนวนเงิน 7,080,542.94 บาท กับดอกเบี้ย จำเลยที่ 2 ที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ในต้นเงินและดอกเบี้ย จำเลยที่ 4 ที่ 5 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะภรรยาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 6 ถึงที่ 14 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระหนี้จำนวน7,426,664.58 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน7,080,542.94 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 6 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินเป็นเงิน4,787,449.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปีของต้นเงิน4,650,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินจำนวน 284,066.43บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีของต้นเงิน 276,041.94บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 8 และที่ 9 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระเงิน928,312.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน901,282 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 10 และที่ 11 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินจำนวน 316,761.35 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน 306,523 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 12 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินจำนวน 325,028.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน 314,808 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 13 ที่ 14 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินจำนวน 650,899.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน 631,888 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 8 ถึงที่ 14 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 6 ยื่นคำให้การว่า จำเลยที่ 6 มีข้อตกลงกับจำเลยที่ 1 และร้าน ส.สุทร ว่าจะรับรองตั๋วแลกเงินที่จำเลยที่ 1 และร้านส.สุทร สั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัดตั๋วแลกเงินพิพาท บริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ไม่เคยเป็นผู้ทรงและมิได้สลักหลังตั๋วแลกเงินพิพาทเลย ลายมือชื่อสลักหลังของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด เป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้สลักหลังโอนให้แก่โจทก์ ภายหลังที่มีการสลักหลังปลอมลายมือชื่อของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัดแล้ว โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยผ่านลายมือชื่อปลอม จำเลยที่ 6 จึงไม่ต้องรับผิด เพราะการสลักหลังตั๋วพิพาทขาดสาย โจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้สลักหลังภายหลังลายมือชื่อสลักหลังปลอมเท่านั้น การรับรองตั๋วพิพาทเป็นการสำคัญผิดของจำเลยที่ 6 เกี่ยวกับการยื่นตั๋วให้รับรอง การรับรองไม่สมบูรณ์ และการที่ตั๋วแลกเงินพิพาทบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด เป็นผู้รับเงินแต่ถูกปลอมลายมือชื่อสลักหลังโอนไปย่อมมีสิทธิเรียกตั๋วแลกเงินทั้งสามจากโจทก์ได้หากจำเลยที่ 6 ต้องชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ เมื่อบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ได้ตั๋วแลกเงินพิพาทคืนจากโจทก์แล้วก็อาจใช้สิทธิเรียกให้จำเลยที่ 6 ชำระหนี้ตามตั๋วพิพาทซ้ำอีกเป็นการไม่ถูกต้อง โจทก์อาจเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 6 ได้เพียงไม่เกินไปกว่าร้อยละ 5 ต่อปีเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 968
จำเลยที่ 7 ยื่นคำให้การมีสาระสำคัญว่า จำเลยที่ 7 ไม่เคยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง ลายมือชื่อในเช็คพิพาทที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 7 เป็นผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อปลอม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 7,422,508.08บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน7,079,856.57 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ในหนี้ดังกล่าวนี้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดจำนวน 5,000,000บาท และจำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดจำนวน 5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันร้อยละ 21 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 6 รับผิดจำนวน 4,698,575.34 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 4,650,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 8ที่ 9 ร่วมกันรับผิดจำนวน 928,025.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 901,182 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 10 ที่ 11 ร่วมกันรับผิดจำนวน 316,513.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 306,523 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 12 รับผิดจำนวน 324,963.79 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 315,808 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 13 ที่ 14 ร่วมกันรับผิดจำนวน 650,769.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 631,888 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ที่ 6 ที่ 8 ถึงที่ 14 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยที่ 6 และที่ 8 ถึงที่ 14 รับผิดในค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่ตนต้องรับผิดเท่านั้น ให้ยกฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ที่ 5ที่ 7
จำเลยที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตั๋วแลกเงินพิพาทมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย สั่งจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นผู้จ่ายให้จ่ายเงินตามตั๋วแก่บริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด และจำเลยที่ 6ได้ลงลายมือชื่อรับรองการจ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้นำตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับไปขายให้แก่โจทก์ ในขณะที่โจทก์รับซื้อตั๋วแลกเงินปรากฏว่าทุกฉบับมีลายมือชื่อกรรมการผู้จัดการและรอยตราของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ลงและประทับอยู่ที่ด้านหลังของตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับ ซึ่งเป็นการสลักหลังลอยในตั๋วแลกเงิน แล้วจำเลยที่ 1 สลักหลังต่อจากการสลักหลังของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนด โจทก์ได้ยื่นขอรับเงินต่อจำเลยที่ 6 จำเลยที่ 6ไม่จ่ายเงินตามตั๋วทั้งสามฉบับให้ โดยอ้างว่าลายมือชื่อกรรมการผู้จัดการและรอยตราของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ที่สลักหลังตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับเป็นลายมือชื่อและรอยตราปลอม ซึ่งฟังได้ว่าการสลักหลังของบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ในตั๋วแลกเงินทั้งสามฉบับเป็นการสลักหลังปลอมตามที่จำเลยที่ 6 ต่อสู้ เมื่อการสลักหลังเป็นการสลักหลังปลอม การสลักหลังนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้เลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 ถือเสมือนหนึ่งว่าบริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด ไม่เคยสลักหลังตั๋วแลกเงินพิพาททั้งสามฉบับเลย และตั๋วแลกเงินพิพาททั้งสามฉบับยังคงเป็นตั๋วแลกเงินที่สั่งจ่ายระบุชื่อแก่บริษัทเอ็กซอนเคมีประเทศไทย จำกัด โจทก์ได้รับตั๋วแลกเงินดังกล่าวมาโดยอาศัยการสลักหลังของจำเลยที่ 1 ซึ่งสลักหลังต่อจากการสลักหลังปลอมจึงเป็นการได้มาโดยการสลักหลังที่ขาดสาย ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904, 905 ดังนั้น จำเลยที่ 6 ซึ่งรับรองตั๋วแลกเงินพิพาทก่อนมีการสลักหลังปลอมจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามตั๋วแลกเงินพิพาททั้งสามฉบับ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share