คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2273/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 4 กระทง กระทงที่ลงโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เกี่ยวกับบทกฎหมายที่ลงโทษโดย ระบุวรรคให้ถูกต้อง และไม่ได้ริบอาวุธปืนมีทะเบียนของกลางจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า ก่อนฟ้องมิได้มีการสอบสวนจำเลยถ้อยคำสำนวนในคดีและการนำสืบของโจทก์จะเห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด คำพยานโจทก์ไม่มีพยานปากใดยืนยันว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาลงโทษจำเลยโดยมิได้อ้างว่าข้อเท็จจริงนอกสำนวนดังกล่าวคือข้อเท็จจริงใด และศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนทั้งสิ้น ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 7, 47, 48, 73,74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518มาตรา 7, 19, 28 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4 ประกาศกระทรวงเกษตร ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 6, 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 6, 7, 8คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธเฉพาะข้อหาพาอาวุธปืน ส่วนข้อหาอื่น ๆ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองและร่วมกันพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91, 371 พระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนมาตรา 8 ทวิ, 55 ส่วนจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนและพาอาวุธปืน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนมาตรา 7, 8 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วย ฐานพาอาวุธปืน เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นจำคุก 3 เดือน ฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี 9 เดือนคำให้การชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เหลือจำคุก 2 ปี6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นพิจารณาและชั้นจับกุมของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเห็นควรลดโทษฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตได้ และฐานมีไม้สักแปรรูปในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ฐานละกึ่งหนึ่ง และลดโทษฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 10 เดือน ริบอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไม้สัก และรถยนต์ของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 55, 72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง และ 78 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 55, 72 ทวิ วรรคสอง และ 78 การกระทำฐานพาอาวุธปืนของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน อาวุธปืนมีทะเบียนของกลางไม่ใช่ปืนที่ผิดกฎหมายจึงริบไม่ได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1รวม 4 กระทง กระทงที่ลงโทษสูงที่สุดจำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เกี่ยวกับบทกฎหมายที่ลงโทษ โดยระบุวรรคให้ถูกต้อง และไม่ให้ริบอาวุธปืนมีทะเบียนของกลางจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ก่อนฟ้องคดีนี้มิได้มีการสอบสวนจำเลย และถ้อยคำสำนวนในคดีและการนำสืบของโจทก์จะเห็นได้ว่า จำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดกับผู้อื่นและตามคำเบิกความของพยานโจทก์ก็ไม่มีพยานปากใดยืนยันว่า จำเลยได้ร่วมกระทำผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาลงโทษจำเลยนั้นจำเลยที่ 1 มิได้อ้างมาว่าข้อเท็จจริงนอกสำนวนดังกล่าวคือข้อเท็จจริงใด และศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานต่าง ๆ ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานเอกสารในสำนวนทั้งสิ้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1.

Share