แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
กรรมการของบริษัทโจทก์ได้มอบสมุดเช็คของบริษัทให้ ค. เก็บไว้กับให้ ค. เป็นผู้กรอกข้อความในเช็คมาให้กรรมการลงนามและทุกสิ้นเดือนธนาคารจำเลยจะส่งสำเนาการ์ด บัญชีให้โจทก์ตรวจสอบซึ่งหากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตรวจดู บ้าง โจทก์ย่อมจะทราบว่ามีการปลอมลายมือชื่อกรรมการของโจทก์ลงในเช็คของโจทก์ตั้งแต่ฉบับแรกไปถอนเงิน เพราะปกติโจทก์จะไม่สั่งจ่ายเช็คเงินสดจำนวนมากโจทก์จึงเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคแรกตอนท้าย จำเลยจึงมีสิทธินำจำนวนเงินที่จ่ายตามเช็คทั้ง 8 ฉบับมาลงบัญชีของโจทก์ว่าโจทก์เป็นลูกหนี้จำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้กับจำเลยสาขาถนนสาธร ต่อมามีบุคคลผู้มีชื่อได้ปลอมลายมือชื่อของนายสุทธิชัยศรีเฟื่องฟุ้ง กรรมการโจทก์ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิสั่งจ่ายเช็ค และเบิกเงินออกจากบัญชีของโจทก์ จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสาธร รวม 8 ฉบับ ซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คดังกล่าวเป็นลายมือชื่อปลอม รวมเป็นเงิน 265,700 บาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 265,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 8 ฉบับดังกล่าวถึงวันฟ้องเป็นเงิน 4,149.29 บาท รวมเป็นเงิน 269,849.29 บาทขอให้จำเลยเพิกถอนรายการที่โจทก์เป็นลูกหนี้ของจำเลยออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเลขที่ 0381029212 และสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวเป็นเงิน 265,700 บาท พร้อมดอกเบี้ย4,149.29 บาท ให้จำเลยงดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ตามยอดเงินหนี้ 265,700บาท ในบัญชีเดินสะพัด และสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 0381029212 นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะเพิกถอนยอดหนี้ดังกล่าว หากจำเลยไม่ยอมเพิกถอนขอให้จำเลยชดใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวน 265,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ19 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 8 ฉบับ จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้ง 8 ฉบับตามฟ้องเป็นไปตามตัวอย่างที่มอบให้ไว้แก่สาขาถนนสาธรของจำเลย ซึ่งใช้เงินตามเช็คทั้ง 8 ฉบับไปโดยสุจริต และปราศจากความประมาทเลินเล่อแม้ลายมือชื่อ “สุทธิชัย ศรีเฟื่องฟุ้ง” ผู้สั่งจ่ายจะเพี้ยนไปบ้างจากลายมือชื่อที่ให้ไว้เป็นตัวอย่าง ก็ไม่มีเหตุชวนสงสัยว่าไม่ใช่ลายมือชื่ออันแท้จริงของโจทก์ โจทก์ละเลยและประมาทเลินเล่อไม่เก็บรักษาสมุดเช็คไว้ในที่มั่นคงปลอดภัย ทำให้บุคคลอื่นได้ตัวเช็คที่ยังไม่กรอกข้อความไปเขียน และปลอมลายมือของผู้สั่งจ่ายโจทก์จึงเป็นผู้ผิดสัญญาตามเงื่อนไขในการตกลงรับเปิดบัญชีกระแสรายวัน จำเลยไม่ต้องรับผิด แม้หากว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายดังกล่าวปลอมผู้ที่ทำปลอมคือสมุห์บัญชีลูกจ้างโจทก์ เป็นการละเมิดทำให้จำเลยเสียหายเท่าจำนวนที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วย จำเลยขอหักหนี้ในมูลละเมิดดังกล่าวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยเพิกถอนรายการที่อ้างว่าโจทก์เป็นลูกหนี้ของจำเลยตามเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับ รวมเป็นจำนวน 265,700บาท พร้อมดอกเบี้ยตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีนับแต่วันที่จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวแต่ละฉบับไปออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 0381029212 ของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด โดยนานสุทธิชัย ศรีเฟื่องฟุ้ง กรรมการได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้กับธนาคารจำเลย นับจากเดือนตุลาคม2526 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2526 ได้มีผู้นำเช็ค 8 ฉบับไปขึ้นเงินและจำเลยได้จ่ายเงินและลงรายการที่โจทก์เป็นลูกหนี้จำเลย รวมเป็นเงิน 265,700 บาท คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า(1) ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับ เป็นลายมือปลอมหรือไม่ (2) โจทก์เป็นผู้ประมาทเป็นเหตุให้มีการปลอมเช็คพิพาทซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ในประเด็นข้อแรกนั้น โจทก์มีนายสุทธิชัยศรีเฟื่องฟุ้ง เจ้าของลายมือชื่อเบิกความยืนยันว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้ง 8 ฉบับมิใช่ลายมือพยาน นอกจากนี้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญของกรมตำรวจซึ่งศาลได้ขอให้ตรวจเปรียบเทียบลายมือชื่อในช่องผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาท 8 ฉบับ กับลายมือชื่อในการ์ดตัวอย่างลายมือชื่อของนายสุทธิชัยในบัญชีกระแสรายวัน กับตัวอย่างลายมือชื่อของนายสุทธิชัยที่เขียนต่อศาลแล้วสรุปความเห็นว่ามีคุณสมบัติของการเขียน รูปลักษณะของลายเส้นแตกต่างกัน และว่าน่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันจำเลยมิได้นำสืบอย่างใดในเรื่องนี้คงมีเจ้าหน้าที่ของจำเลยมาเบิกความแต่เพียงว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับคล้ายลายมือชื่อในการ์ดตัวอย่างลายมือชื่อของนายสุทธิชัยเท่านั้นพยานหลักฐานโจทก์ในข้อนี้จึงมีน้ำหนักยิ่งกว่าพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ว่าลายมือชื่อในเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับเป็นลายมือปลอม
สำหรับในประเด็นที่สองนั้น นายสุทธิชัย พยานโจทก์เบิกความว่าผู้ที่ปลอมลายมือชื่อในเช็คทั้ง 8 ฉบับนี้ได้แก่นายคมสิน ซึ่งเป็นสมุห์บัญชีของโจทก์โดยพยานเบิกความอีกว่า พยานไว้วางใจนายคมสินได้มอบสมุดเช็คให้เก็บรักษา และตามปกติก็ให้นายคมสินเป็นผู้กรอกรายการต่าง ๆ ในเช็คที่พยานเป็นผู้สั่งจ่ายให้เสมอ นอกจากนี้นายสันพงษ์ บำเพ็ญสันติ พยานโจทก์ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทเคมีธุรกิจจำกัด ว่าสำหรับบริษัทดังกล่าวนายสุทธิชัย ศรีเฟื่องฟุ้ง ได้มอบสมุดเช็คไว้กับสมุห์บัญชี และการสั่งจ่ายเช็คสมุห์บัญชีจะเป็นผู้กรอกจำนวนเงินและวันที่แล้วนำไปให้นายสุทธิชัยลงลายมือชื่อในฐานะผู้สั่งจ่าย บริษัทเคมีธุรกิจ จำกัด นี้ได้ความจากนายรณชิตจินะดิษฐ์ ผู้จัดการธนาคารจำเลย สาขาถนนสาธร พยานจำเลยว่าเป็นบริษัทในเครือของโจทก์และมีนายสุทธิชัย ศรีเฟื่องฟุ้ง เป็นผู้จัดการเช่นเดียวกันเช่นนี้คดีจึงเชื่อได้ว่านายสุทธิชัยได้มอบสมุดเช็คไว้กับนายคมสินสมุห์บัญชีของโจทก์และให้นายคมสินเป็นผู้กรอกข้อความในเช็คมาให้นายสุทธิชัยเป็นผู้ลงนาม และเชื่อว่านายคมสินถือโอกาสปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับนอกจากนี้นายสุทธิชัยเบิกความตอบทนายจำเลยว่าการจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์ปรากฏตามการ์ดบัญชีเอกสารหมาย ล.3 นั้นจำเลยได้จัดส่งสำเนาคู่ฉบับให้โจทก์เป็นประจำทุกเดือนโดยนายประเสริฐ รวมราชสมุห์บัญชีของจำเลยเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า คู่ฉบับเอกสารหมาย ล.3ได้ส่งแก่โจทก์ทุก ๆ สิ้นเดือน ซึ่งเช็คปลอมฉบับแรกมีขึ้นในวันที่26 ตุลาคม 2526 หากโจทก์ใช้ความระมัดระวังเพียงแต่ตรวจดูเอกสารดังกล่าวบ้าง โจทก์ย่อมจะทราบว่ามีการปลอมเช็คไปถอนเงินเพราะพยานโจทก์เบิกความว่า โดยปกติโจทก์จะไม่สั่งจ่ายเช็คเงินสดจำนวนมากเช่นที่ปรากฏในเช็คที่ปลอมนี้ จึงเป็นความประมาทของโจทก์ที่ทำให้นายคมสินปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับได้ กรณีเช่นนี้ฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้่ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1008-วรรคแรก ตอนท้าย จำเลยจึงมีสิทธินำจำนวนเงินที่จ่ายไปตามเช็คมาลงบัญชีาของโจทก์ว่าโจทก์เป็นลูกหนี้จำเลยได้”
พิพากษายืน.