คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าเป็นของจำเลยแต่ลงชื่อผู้ตายไว้ในฐานะนิติกรรมอำพรางและปรากฏตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำให้การว่าจำเลยออกเงินซื้อ ในชั้นนำสืบจำเลยสืบว่าที่ทำเช่นนี้เพื่อปกปิดสามี ดังนี้ไม่เป็นการสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์บางอย่างเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าทรัพย์เช่นนั้นไม่มีอยู่ที่จำเลย แต่ชั้นนำสืบจำเลยนำสืบว่าทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลย เช่นนี้ฟังไม่ได้เพราะเป็นการปิดบังเอาเปรียบโจทก์ในเชิงคดีทั้ง ๆ ที่จำเลยรู้ดีแล้ว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า น.ส.กิมลี้ตายแล้วโดยไม่มีพินัยกรรมมีทรัพย์มรดกหลายอย่างตามบัญชีทรัพย์สินท้ายฟ้องรวม ๑๒๘,๔๑๗ บาท จำเลยทั้งสองสมคบกันยึดถือทรัพย์สินของผู้ตายไว้ในครอบครองเพื่อตน ไม่ยอมแบ่งให้โจทก์ ต่อมาได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๒๙๙๐ และที่ ๓๐๒๘ ของผู้ตายเอาเป็นกรรมสิทธิของตนแต่ผู้เดียวขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ๑ ใน ๔ ส่วน คิดเป็นเงิน ๓๐,๑๐๔ บาท ๒๕ สตางค์
จำเลยทั้งสองรับว่าผู้ตายเป็นพี่สาวโจทก์และจำเลยมีทรัพย์มรดกหลายอย่างจริงแต่ทรัพย์ตามบัญชีท้ายคำให้การของจำเลยไม่ใช่ของผู้ตาย เป็นของจำเลยที่ ๑ และเป็นของผู้มีชื่อในบัญชีนั้น และไม่มีอยู่กับจำเลยที่ ๑ ผู้ตายมีเจ้าหนี้รวมเป็นเงิน ๑๙,๒๕๘ บาท จำเลยที่ ๑ รับธุระจัดการศพ ประมาณเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท เงินสองจำนวนจำเลยต้องหักออกจากกองมรดกก่อนแบ่งจำเลยขอรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๒๙๙๐ และ ๓๐๒๘ จริง เพราะเป็นของจำเลยที่ ๑ มาแต่เดิมซึ่งได้ลงชื่อผู้ตายไว้ในฐานะนิติกรรมอำพราง แต่โดยที่ผู้ตายไปแล้วการเอาที่ดิน ๒ แปลงนี้คืนจึงต้องจัดการไปในวิธีการรับมรดก ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าทรัพย์ท้ายฟ้องอันด้บ ๑ ถึง ๔๑ (เว้นแต่ฉางข้าว เรือน และครัวอย่างละ ๑ หลัง ซึ่งปลูกอยู่++ฟ้องอันดับ ๕ ฉางเป็นของจำเลยที่ ๑ เรือน++ของนางทองสุข) เป็นทรัพย์มรดกของ++อันดับที่ ๔๑ ที่กลายเป็นเงินสด ๑๘,๐๐๐ บาท ++ทรัพย์มรดกฟังได้ว่าอยู่ในครอบครองของ++จำเลยทั้งสองนำทรัพย์มรดกดังกล่าวมา++กันเองกับโจทก์ก่อน ถ้าไม่ตกลงให้++
++ยังไม่ปรากฏว่าผู้จำนำมาไถ่ถอน++เป็นสิทธิแล้ว จะเอามาแบ่ง++มีส่วนได้ในทรัพย์ดังกล่าว++
ข้อที่จำเลยขอหักเป็นค่าปลงศพนั้น จำเลยไม่ใช่ผู้จัดการมรดก และค่าจะปลงศพก็ยังไม่แน่นอนละหนี้สินก็ไม่มีหลักฐานจำเลยควรฟ้องแย้งเข้ามาให้ผู้รับมรดกรับผิดชอบตามส่วนและผู้รับมรดกอาจมีข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิด
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะข้อที่ว่าที่ดินอันดับที่ ๑ และ ๒ โฉนดที่ ๒๙๙๐ และ ๓๐๒๘ เป็นของจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ทรัพย์มรดกให้หักเงินค่ารักษาผู้ตาย ๘๐ บาท กับค่าปลงศพ ๓,๐๐๐ บาท จากกองมรดกก่อนแบ่งให้โจทก์
โจทก์ฎีกาเฉพาะที่ดินอันดับที่ ๑,๒ ว่าเป็นมรดกผู้ตาย
จำเลยฎีกาว่าทรัพย์หมายเลข ๗,๘,๙ และ ๑๑ ไม่มีที่จำเลยและทรัพย์หมายเลข ๑๐ ผู้ตายยกให้จำเลยแล้ว กับเงิน ๑๓,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยชำระแก่เจ้าหนี้ผู้ตายแทนกองมรดก ขอให้หักให้จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องที่ดินโฉนดที่ ๒๙๙๐ และ ๓๐๒๘ นั้น จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย แต่ลงชื่อผู้ตายไว้ในฐานะนิติกรรมอำพราง และปรากฏตามบัญชีท้ายคำให้การว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อ ในชั้นนำสืบจำเลยสืบพยานว่าที่ทำเช่นนี้เพื่อปกปิดสามี และมีนางทองสุขผู้เป็นทายาทเบิกความรับรองมีเหตุพอเชื่อได้ และการสืบของจำเลยเช่นนี้ก็เป็นการสืบตามประเด็นที่ให้การจต่อสู้ไว้ มิใช่สืบนอกประเด็น และการที่จำเลยขอประกาศรับมรดกผู้ตาย ก็เป็นวิธีการที่จะให้ได้โฉนดมาในนามของจำเลย
ส่วนฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์หมายเลข ๗,๘,๙ และ ๑๑ นั้น จำเลยให้การว่าไม่มีอยู่กับจำเลยที่ ๑ ในชั้นนำสืบจำเลยว่าสืบทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลยที่ ๑ เห็นว่าการที่จำเลยให้การและสืบพยานเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นการปิดบังเอาเปรียบในเชิงคดีทั้ง ๆ ที่รู้ดีแล้วว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน แสดงข้อพิรุธในความสุจริต ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้เป็นมรดกนั้นไม่มีเหตุจะแก้ไข
ทรัพย์หมายเลข ๑๐ ฟังว่าเป็นของผู้ตาย
ส่วนเงิน ๑๓,๐๐๐ บาท กองมรดกไม่ควรต้องรับผิดชอบ
พิพากษายืน.

Share