คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2269/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารให้จำเลย โจทก์สร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนที่กำหนดไว้ แม้ได้กระทำไปตามที่ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้สั่ง แต่เมื่อผู้ควบคุมงานมีหน้าที่ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลน ไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลน โดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลย การที่โจทก์ก่อสร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อโจทก์ไม่ยอมแก้ไขฐานรากให้ถูกต้อง จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลนจะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดกำไร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารคริสต์จักรตกลงราคารวมทั้งค่าสิ่งของสัมภาระและค่าแรงงานเป็นเงิน 1,287,600 บาท โดยจะชำระเป็น 5 งวดตามผลของงาน โจทก์ลงมือก่อสร้างตามสัญญาและตามคำสั่งของสถาปนิกผู้ควบคุมงานของจำเลยตลอดมา จนงานก่อสร้างงวดที่ 1 เกือบแล้วเสร็จ จำเลยได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์หยุดงานก่อสร้างไว้ก่อน เพราะกรมโยธายังไม่อนุญาตให้ก่อสร้าง การสั่งหยุดงานดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงให้จำเลยมาตกลงกัน จำเลยกลับบ่ายเบี่ยงและเลิกสัญญากับโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์คือ ค่าแรงงานก่อสร้างค่าวัสดุและค่าขาดผลกำไร รวมเป็นเงิน 372,640 บาท

จำเลยให้การว่า จำเลยยังไม่ได้ตกลงให้โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแต่โจทก์ลงมือก่อสร้างไปก่อนเอง ต่อมาจำเลยได้รับแจ้งจากกรมโยธาว่าแบบแปลนไม่เรียบร้อยจึงให้หยุดการก่อสร้างไว้ก่อน การก่อสร้างของโจทก์ที่ทำไปนั้นผิดแบบแปลนแผนผัง จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกไม่ให้โจทก์ก่อสร้างได้โดยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 293,442 บาท กับดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะฟังว่านายจำลองผู้ควบคุมงานฝ่ายจำเลยที่ 1 เป็นคนสั่งให้โจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าที่กำหนดไว้ในแบบแปลน โดยบอกว่าทานน้ำหนักพอแล้ว และขอให้โจทก์เพิ่มขนาดเสาจาก 17 เซนติเมตรเป็น 20 เซนติเมตร ตามข้อนำสืบของโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 นำสืบว่านายจำลองมีหน้าที่เพียงควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลนเท่านั้น นายจำลองไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลนเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างซึ่งประกอบด้วยจำเลยที่ 1 นายยอร์ชยัง นายเคนทัส และนายจัน ศาลฎีกาเห็นว่า นายจำลองเป็นเพียงผู้ควบคุมงานฝ่ายจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 และโจทก์มิได้นำสืบว่านายจำลองมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลนได้ จึงเชื่อว่านายจำลองมีหน้าที่ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลนเท่านั้น ไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2 เบิกความว่า นายจำลองไม่เคยแจ้งให้คณะกรรมการดูแลการก่อสร้างทราบว่า อนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างฐานรากผิดไปจากแบบแปลน และมีจำเลยที่ 2 กับนายจันเบิกความว่า จำเลยที่ 2 และนายจันเพิ่งทราบว่าโจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลนจากนายมีชัย เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2515 ส่วนโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 หรือคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลยที่ 1 ยินยอมหรืออนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลนทั้งนายณรงค์ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ก็เบิกความว่า ที่นายจำลองสั่งให้ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลนนั้น จะได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือไม่ ไม่ทราบ พยานหลักฐานของโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าที่นายจำลองสั่งให้โจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลนนั้นได้รับความยินยอมหรืออนุญาตจากจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 หรือคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 2 ไปที่สถานที่ก่อสร้างทุกวันและการที่จำเลยที่ 2 บอกนายทุ้ยทนายความว่า จำเลยที่ 2 ทราบว่า ฐานรากที่ทำไม่ถูกต้องตามแบบแปลนนั้นยังไม่พอฟังว่า จำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมให้โจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลน การที่โจทก์ก่อสร้างฐานรากบางกว่าแบบแปลนโดยที่จำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ไม่ยินยอมหรืออนุญาต โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและโจทก์ไม่ยอมแก้ไขฐานรากให้เป็นไปตามแบบแปลนโดยอ้างว่าได้ก่อสร้างไปตามคำสั่งของนายจำลอง จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ทั้งปรากฏว่าฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลน จะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อฐานรากนั้นทิ้งแล้วก่อสร้างฐานรากใหม่เท่านั้น ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างจึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดกำไรและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลยที่ 1 และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ 1

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share