แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เป็นกฎหมายที่ออกเพื่อยับยั้งการใช้สอยและแสวงหาดอกผลจากทรัพย์สินของเจ้าของกรรมสิทธิ์ไว้ชั่วคราวกล่าวคือบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ต้องอยู่ภายในบังคับแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ได้มีข้อยกเว้นไว้ในบางกรณีตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติ นั้น
เมื่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้ให้เช่าเดิมเข้าอยู่อาศัยในเคหะของตนแล้ว ก็เท่ากับว่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้มีสิทธิในทรัพย์สินได้ใช้สิทธิของตนตามหลักกฎหมายทั่วไปแล้ว และเมื่อไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายพิเศษนั้น ให้ศาลมีอำนาจรื้อฟื้นแก้ไขการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการไว้อย่างไรแล้ว ดุลพินิจของคณะกรรมการที่ให้ความยินยอมก็ต้องยุติเป็นเด็ดขาดเพียงนั้น ศาลย่อมจะต้องพิจารณาข้อพิพาทของคู่ความตามสิทธิในหลักกฎหมายทั่วไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากสถานที่เช่า โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้อยู่เอง
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าอยู่ คณะกรรมการอนุญาตไปโดยไม่มีเหตุสมควร
ศาลแขวงธนบุรี สั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาขับไล่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่าพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เป็นกฎหมายที่ออกเพื่อยับยั้งการใช้สอยและแสวงหาดอกผลจากทรัพย์สินของเจ้าของกรรมสิทธิ์ไว้ชั่วคราว กล่าวคือบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 นั้นจะต้องอยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ก็ได้มีข้อยกเว้นไว้ในบางกรณี ตามมาตรา 16 และข้อยกเว้นข้อหนึ่งคือ เมื่อคณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจเห็นสมควรให้ความยินยอมให้ผู้เช่าเดิมจำเป็นเข้าอยู่อาศัยฉะนั้นเมื่อคณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจให้ผู้มีสิทธิในทรัพย์สินได้ใช้สิทธิของตนตามหลักกฎหมายทั่วไป แล้วศาลก็ย่อมจะต้องพิจารณาข้อพิพาทของคู่ความตามสิทธิในหลักกฎหมายทั่วไป และเมื่อไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายพิเศษนั้น ให้ศาลมีอำนาจรื้อฟื้นแก้ไขการใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการไว้อย่างไรแล้ว ดุลยพินิจของคณะกรรมการที่ให้ความยินยอมก็จำต้องยุติเป็นเด็ดขาดเพียงนั้นจึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย