คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 5 กำหนดนิยามของคำว่าเจ็บป่วยไว้ ซึ่งเห็นได้จากคำนิยามดังกล่าวว่าจะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างแต่ละราย โดยพิจารณาตามลักษณะหรือสภาพของงานนั้น ๆ โดยหาได้มีข้อจำกัดว่าการที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคที่เกิดขึ้นนั้น จะต้องเป็นการเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นายจ้างไม่ งานที่ผู้ตายทำมีลักษณะหรือสภาพของงานที่ต้องใช้แรงงานมากต้องอยู่กับสภาพเสียงดังก่อให้เกิดความอ่อนเพลียและความเครียดแก่ผู้ตายอย่างมากผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหลอดโลหิตหัวใจล้มเหลวอันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ถือได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานต้องด้วยคำนิยามว่า เจ็บป่วย ตามบทกฎหมายข้างต้น

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองเป็นรายเดือนจำนวนร้อยละหกสิบของเงินเดือน 32,000 บาท สำหรับโจทก์ที่ 1 นับแต่วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตายไปจนกว่าจะครบ 8 ปี ส่วนโจทก์ที่ 2 กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาอีกสองปีจึงจะสำเร็จการศึกษา จำเลยต้องจ่ายเงินทดแทนให้โจทก์ที่ 2 นับแต่วันเดียวกันจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา

จำเลยให้การว่า ผู้ตายมิได้ประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงาน แต่ถึงแก่ความตายเพราะโรคหลอดโลหิตหัวใจล้มเหลว ทั้งนี้เนื่องมาจากผู้ตายเจ็บป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาที่กำลังพักผ่อนมิใช่เวลาทำงาน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยคำนวณจ่ายเงินแก่โจทก์ที่ 1 ในสิทธิอันพึงได้ตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 นับแต่วันที่ 19 มีนาคม 2541และให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 2

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537มาตรา 5 บัญญัติคำนิยาม เจ็บป่วย หมายความว่า การที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานเห็นได้ว่าจากนิยามคำว่า เจ็บป่วย ดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างแต่ละรายโดยพิจารณาตามลักษณะหรือสภาพของงานนั้น ๆ เช่น งานที่ลูกจ้างทำได้รับความลำบากตรากตรำและเป็นงานที่หนักมากน้อยเพียงใดหรือเนื่องจากการทำงานของลูกจ้าง ลูกจ้างต้องใช้ร่างกายทำงานอย่างหนักจนร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีเวลาพักผ่อน มีอาการเครียดจนลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างหรือไม่ ทั้งตามคำนิยามของบทบัญญัติดังกล่าวก็หาได้มีข้อจำกัดว่าการที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องเป็นการเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นายจ้างดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ หากการที่ลูกจ้างเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างกรณีก็ต้องด้วยคำว่า เจ็บป่วยตามคำนิยามของบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว คดีนี้ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ผู้ตายทำงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2541 ถึงวันที่ 19 เดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นวันที่ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ย่อมก่อให้เกิดความอ่อนเพลียและความเครียดแก่ผู้ตายมากแม้ผู้ตายจะมีเวลาพักผ่อนบ้างก็เป็นการพักผ่อนในเรือเพื่อพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาจนกว่าเรือจะแล่นถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนางพูลศรี เลขะกุล แพทย์ผู้เคยตรวจร่างกายของผู้ตายกับนายสมพูล กฤตลักษณ์ กรรมการแพทย์ของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนพยานจำเลยเบิกความว่า หาทำงานเหนื่อยมาก พักผ่อนน้อย อ่อนเพลียมาก มีอาการเครียด โอกาสเป็นโรคหลอดโลหิตหัวใจล้มเหลวก็มีได้ การตายของผู้ตายจึงเป็นการตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างดังกล่าวเช่นนี้ เห็นได้ว่าศาลแรงงานกลางพิจารณาถึงลักษณะและสภาพของงานที่ผู้ตายทำซึ่งต้องใช้แรงงานมากและต้องอยู่กับสภาพเสียงดังก่อให้เกิดความอ่อนเพลียและความเครียดแก่ผู้ตายอย่างมาก แล้วฟังว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหลอดโลหิตหัวใจล้มเหลวอันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้าง กรณีจึงถือได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน ต้องด้วยคำนิยามว่า เจ็บป่วย ตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 5 คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share