คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ภาพถ่ายและบันทึกการนำตัวผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,335, 357 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุก3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ นายอิ่นคำ คำนาศักดิ์ได้ลักเอาวิทยุเทปมาจากบ้านผู้เสียหาย ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจขุดพบวิทยุเทปของผู้เสียหายซึ่งนายอิ่นคำฝังไว้ในดิน และจับกุมนายอิ่นคำกับจำเลยได้ที่บ้านของนายหลั่น นายอิ่นคำกับจำเลยรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่านายอิ่นคำเป็นคนไปลักเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวนำไปซ่อนไว้ในห้องนอนของจำเลยที่บ้านนายหลั่นโดยจำเลยไม่รู้เห็นด้วย ต่อมานายอิ่นคำพบจำเลยจึงบอกจำเลยว่าได้ลักวิทยุเทปมา จำเลยบอกให้เอาไปฝังดินไว้ นายอิ่นคำกับจำเลยจึงช่วยกันเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อวิทยุเทปและหุ้มด้วยพลาสติกแล้วนำไปฝังไว้ในดินที่บริเวณริมรั้วบ้านนายหลั่น ในชั้นสอบสวนจำเลยก็ได้ให้การเช่นเดียวกับในชั้นจับกุม ต่อมานายอิ่นคำถูกฟ้องต่อศาลชั้นต้น นายอิ่นคำรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนายอิ่นคำไปแล้ว คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีแต่คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยและนายอิ่นคำกับคำให้การในชั้นสอบสวนของนายหลั่น นางบุญหลำ จันทร์ต๊ะ สองสามีภริยาซึ่งมีใจความทำนองเดียวกันว่า เมื่อจำเลยรู้ว่านายอิ่นคำลักวิทยุเทปมาแล้วจำเลยเป็นผู้แนะนำให้นำไปฝังดินไว้ นายอิ่นคำกับจำเลยจึงได้ช่วยกันเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อวิทยุเทปและหุ้มด้วยถุงพลาสติกและนำไปฝังไว้ในดิน คำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ทั้งบุคคลทั้งสี่ดังกล่าวมาเบิกความเป็นพยานว่าจำเลยไม่ได้รู้เห็นในการที่นายอิ่นคำนำวิทยุเทปไปฝังดินไว้ ส่วนภาพถ่ายจำเลยตามภาพถ่ายหมาย จ.3และบันทึกการนำตัวผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.8 นั้น แม้จะมีภาพจำเลยและมีข้อความระบุว่าจำเลยกับนายอิ่นคำช่วยกันขุดดินนำวิทยุเทปของกลางไปฝังดินไว้ก็ตาม แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ดังนั้นลำพังแต่คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยและนายอิ่นคำกับคำให้การในชั้นสอบสวนของนายหลั่นและนางบุญหลำจึงไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้ช่วยนายอิ่นคำซ่อนเร้นหรือรับไว้ซึ่งวิทยุเทปของผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้อง”
พิพากษายืน

Share