แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,362,365ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่2มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา365(3)อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดินหากตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาศาลสูงเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอาญาแผ่นดินมิใช่เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวโจทก์หามีสิทธิขอถอนฟ้องจำเลยที่2ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค3ได้ไม่แต่ต่อมาภายหลังเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่2มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362อันเป็นความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่มีคำพิพากษาศาลสูงเปลี่ยนแปลงแก้ไขก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวเมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดและตามคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์อ้างว่าโจทก์และจำเลยที่2ตกลงกันได้โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยที่2ต่อไปจำเลยที่2ไม่คัดค้านและท้ายคำร้องดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์จึงเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่2ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปทำการก่อเสาปูนเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างกั้นรั้วสังกะสี โดยรอบอาณาเขตที่ดินที่โจทก์มีอำนาจจัดการดูแล อันเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 362, 365
ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1เนื่องจากจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรมไปแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) จำคุก 1 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 ปี
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิขอถอนฟ้องคดีได้ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก2 เดือน เนื่องจากไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์มีสิทธิขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้หรือไม่เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 362, 365 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา365(3) อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จำเลยที่ 2 อุทธรณ์หากตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาศาลสูงเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอาญาแผ่นดิน มิใช่เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว โจทก์หามีสิทธิขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว แต่ต่อมาภายหลังเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 อันเป็นความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่มีคำพิพากษาศาลสูงเปลี่ยนแปลงแก้ไข ก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดและตามคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์อ้างว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันได้ โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีนี้กับจำเลยที่ 2 ต่อไป จำเลยที่ 2 ไม่คัดค้านและท้ายคำร้องดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยดังนี้ ตามคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ข้างต้นเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)”
พิพากษากลับ ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ