คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยรับจ้างหล่อรูปเหมือน เสร็จแล้วต้องส่งคณะกรรมการจัดจำหน่าย จำเลยจะจำหน่ายเองไม่ได้ เมื่อจำเลยเห็นโจทก์หล่อรูปอย่างเดียวกับของจำเลย จำเลยจึงไปแจ้งความต่อตำรวจเพื่อให้เป็นพยานว่าจำเลยมิใช่เป็นผู้ทำ เป็นการใช้สิทธิป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่ตน มิใช่จงใจแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ตำรวจคุมตัวผู้จัดการสำนักงานของโจทก์ไปสถานีตำรวจเป็นเรื่องของตำรวจที่จะวินิจฉัยสั่งการ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 35,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ได้ความว่าคณะกรรมการปฏิบัติงานสร้างพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 สมัยเลิกทาส ของวัดแสนสุขสุทธิวรารามมอบหมายให้ร้อยเอกศักดิ์ไทย รองประธานกรรมการว่าจ้างจำเลยหล่อรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 สมัยเลิกทาส จำนวน 1,200 ชุด ราคาชุดละ 380 บาท จำเลยนำรูปเหมือนที่หล่อไปจ้างร้านบุญชัยชุบทอง ต่อมาจำเลยเห็นรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 ชนิดเดียวกัน ซึ่งสำนักงานของโจทก์จ้างผู้อื่นหล่อขึ้นและนำมาจ้างชุบทองที่ร้านบุญชัยเช่นเดียวกัน จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ปัญหาที่ว่าจำเลยไปแจ้งความแล้วเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวนายสำเนียงผู้จัดการสำนักงานของโจทก์กับยึดรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 ไปสถานีตำรวจนั้น เป็นการจงใจทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีข้อตกลงกับผู้ว่าจ้างจำเลยหล่อรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 ไว้ว่าถ้าหล่อเสร็จแล้วต้องส่งไปให้คณะกรรมการจัดจำหน่าย จำเลยจะนำออกจำหน่ายเองไม่ได้ เมื่อจำเลยเห็นรูปปั้นอย่างเดียวกันจำนวน 100 ชุดนำมาจ้างชุบทองเหมือนของจำเลย นอกจากจำเลยจะให้ผู้อื่นแจ้งความแล้วยังได้ให้คนไปตามร้อยเอกศักดิ์ไทยตัวแทนผู้ว่าจ้างมาดูของด้วย ร้อยเอกศักดิ์ไทยเบิกความว่า ที่จำเลยให้คนมาตามก็เพื่อเป็นการยืนยันว่าจำเลยไม่ได้ทำรูปเหมือนนั้นขึ้นมาเอง และร้อยเอกศักดิ์ไทยไปดูรูปเหมือนที่สถานีตำรวจจำเลยบอกว่ามีผู้ทำรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 เลียนแบบที่ร้อยเอกศักดิ์ไทยว่าจ้างจำเลยทำ จำเลยยังมีร้อยตำรวจตรีสุชาติพนักงานสอบสวนเป็นพยานว่าจำเลยบอกให้พนักงานสอบสวนรับรู้และเป็นพยานว่ามีการทำรูปเหมือนรัชกาลที่ 5 แบบเดียวกัน ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายถ้ามีการเอาเรื่องกับจำเลย จำเลยจะมาขอให้ดำเนินคดีกับนายสำเนียงภายหลัง พนักงานสอบสวนทำบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย ล.1 ที่ว่ารูปเหมือนรัชกาลที่ 5 ของสำนักงานโจทก์ถูกยึดไป 1 ชุด ร้อยเอกศักดิ์ไทยเป็นพยานว่าได้ขอไปจากนายสำเนียงเพื่อนำไปแสดงให้คณะกรรมการและเจ้าอาวาสดูว่าเป็นของทำเลียนแบบ ซึ่งไม่ใช่จำเลยเป็นผู้นำ ตรงกับที่พนักงานสอบสวนบันทึกไว้ในเอกสารหมาย ล.1 ว่านายสำเนียงมอบให้ร้อยเอกศักดิ์ไทยไป เชื่อว่าจำเลยใช้สิทธิแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจโดยสุจริต มีเหตุอันสมควรเพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่ตน มิใช่จงใจแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายที่เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวนายสำเนียงไปสถานีตำรวจก็เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะวินิจฉัยสั่งการ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์”

พิพากษายืน

Share