แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนยิงข่มขู่ผู้เสียหายกับใช้อาวุธปืนดังกล่าวตีประทุษร้ายผู้เสียหายที่บริเวณ หน้าผากของผู้เสียหายหลายครั้ง เพื่อให้ผู้เสียหายจำยอม ต้องกระทำการตามที่จำเลยประสงค์ (ให้เรียกจำเลยว่า “พี่”) แม้ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของ ผู้เสียหายก็ตาม แต่พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าอุกอาจร้ายแรง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ ให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 309, 371, 376, 391 และสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง), 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 371, 376, 391 เป็นความผิดต่างกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ จำคุก 10 วัน ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการโดยมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี 10 วัน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 5 วัน ได้ความจากรายงานการสืบเสาะและพินิจว่าหลังจากจำเลยใช้อาวุธข่มขืนใจให้ผู้เสียหายยินยอมเรียกจำเลยว่า “พี่” แล้วจำเลยยังใช้อาวุธติดตามผู้เสียหายซึ่งหลบหนีอีก ถือว่ามีพฤติการณ์ร้ายแรงอุกอาจไร้วุฒิภาวะและเป็นบุคคลมีค่านิยมที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งการกระทำใกล้ชิดกับความผิดต่อชีวิต ไม่มีเหตุรอการลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการโดยมีอาวุธ จำคุก 6 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก18 เดือน และลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน และให้คืนของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางยิงข่มขู่ผู้เสียหาย กับใช้อาวุธปืนดังกล่าวตีประทุษร้ายผู้เสียหายที่บริเวณหน้าผากของผู้เสียหายหลายครั้งเพื่อให้ผู้เสียหายจำยอมต้องกระทำการตามที่จำเลยประสงค์ แม้ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้เสียหายก็ตาม แต่พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าอุกอาจร้ายแรงไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองกรณีไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน