คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อสัญญาในสัญญาเช่าที่ว่าคู่สัญญาจะยอมเลิกการเช่ากันเมื่อผู้ให้เช่ามีความประสงค์จะใช้ที่เช่านั้นถ้าข้อสัญญานี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจ โดยฝ่ายผู้เช่าได้เห็นสภาพที่เช่าและรู้ความประสงค์ของผู้ให้เช่าดีแล้วจึงยอมตกลงด้วย และข้อตกลงนั้นเกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ข้อตกลงเช่นนี้ย่อมไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกการเช่าตามข้อตกลงนั้นได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2501)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าวัฒนธรรมจังหวัดลำปางในฐานะแทนกระทรวงวัฒนธรรมได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่ดินกำแพงเมืองเก่า เป็นที่ดินโบราณสถานตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ฯลฯ พ.ศ. 2477 เพื่อปลูกบ้านอาศัยอยู่เองมีกำหนด 1 ปี ตามสัญญาข้อ 6 มีว่า ถ้ารัฐบาลหรือเทศบาลต้องการที่ดินคืน ผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวไม่ต่ำกว่า 30 วัน แล้วจะต้องถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันเลิกกัน บัดนี้รัฐบาลต้องการที่ดินคืนและสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว ได้บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยขัดขืน จึงขอให้ขับไล่

จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ สัญญาข้อ 6 เป็นโมฆะเพราะเป็นข้อตกลงยกเว้นบทบัญญัติใน พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แม้จะไม่เป็นโมฆะก็ไม่มีผลผูกพันจำเลย เพราะเป็นแต่เพียงคำมั่นของจำเลยทีจะให้ความยินยอมตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นโต้เถียงกันไว้ 2 ข้อ แต่ถึงวันนัดสืบพยานคู่ความคงติดใจประเด็นข้อเดียวว่าสัญญาข้อ 6 เป็นความยินยอมเลิกสัญญาตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ หรือไม่ และศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าสัญญาข้อ 6 เป็นเพียงคำมั่น จำเลยได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ว่าสัญญาข้อ 6 เป็นความยินยอมตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า มาตรา 16(5) และจำเลยอ้าง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯในกรณีนี้ไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ฯลฯ พ.ศ. 2477 มาตรา 32

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาสัญญาข้อ 6 แล้ว มีว่า “ถ้ารัฐบาลหรือเทศบาลต้องการที่รายนี้คืน ในระหว่างที่ยังไม่สิ้นสัญญาด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ผู้ให้เช่าจะบอกผู้เช่าให้ทราบล่วงหน้าก่อนไม่ต่ำกว่า 30 วัน ผู้ให้เช่าและผู้เช่าจะต้องถือว่าการเช่านี้เป็นอันเลิกกัน ผู้เช่าจะยอมออกจากที่นั้นภายในกำหนดของผู้ให้เช่าโดยไม่เรียกร้องค่าเช่าที่ชำระไปแล้วคืน แม้แต่น้อย และถ้าผู้เช่าได้ปลูกสร้างบ้านเรือนตามสมควรหรือเกินกว่าสมควรก็ตามแม้ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าตามข้อนี้เมื่อใดแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ขัดขวางต่อการเลิกสัญญานั้น และจะเรียกค่าเสียหายการรื้อถอนจากผู้ให้เช่าแต่อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้” เห็นว่าเป็นความตกลงด้วยความสมัครใจ ฝ่ายจำเลยผู้เช่าก็คงได้เห็นสภาพที่ดินที่เช่าและรู้ความประสงค์ของโจทก์ผู้ให้เช่าดีแล้วจึงยอมตกลงตามนั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อตกลงเลิกสัญญาเช่ารายนี้เป็นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ ไม่ขัดต่อเจตนารมย์ของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวาร

Share