คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบล มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 4 ได้ออกมรณบัตรให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อความแสดงว่า นาย ท.ราษฎรในตำบลนั้น ได้ถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงนาย ท. ยังมีชีวิตอยู่ ดังนี้เอกสารที่จำเลยที่ 4 ออกนั้น ได้ออกให้ตามหน้าที่ที่เป็นนายทะเบียน จึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบลคันธารราษฎร์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความใบมรณบัตร ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ปลอมมรณบัตรขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงไปเพื่อแสดงว่านายทอง สง่าดี ราษฎรในตำบลคันธารราษฎร์ได้ถึงแก่ความตายและได้ทำการเผาแล้ว ซึ่งความจริงนายทองยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ ด้วยเจตนาให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่านายทองถึงแก่ความตายแล้วจริง อันน่าจะเกิดเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน แล้วต่อมาจำเลยได้ร่วมกันใช้เอกสารดังกล่าวซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารราชการปลอมนั้นโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชนทั่วไป แสดงแก่บริษัทกรุงสยามประกันชีวิต จำกัด โดยเจตนาหลอกลวงให้บริษัทดังกล่าวจ่ายเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ 10,000 บาทให้จำเลยที่ 2 นำมาแบ่งระหว่างจำเลยทั้งหมด แต่บริษัทกรุงสยามประกันชีวิต จำกัด ตรวจสอบพบความจริงเสียก่อน จึงไม่จ่ายเงินให้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 265, 268, 341, 80, 83

จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 3 ขอถอน กลับให้การใหม่รับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า หากข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องจำเลยก็ยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 4 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำผิดฐานพยายามฉ้อโกงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่คนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 80 วางโทษจำคุกคนละ 4 เดือน ปรานีลดโทษที่รับสารภาพให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 เดือน 20 วัน แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนดเท่าโทษจำคุก จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 เดือน และให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามมาตรา 56 ข้อหานอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 161, 83 ด้วย และไม่ควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 4 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 4 ออกมรณบัตรให้โดยเชื่อด้วยสุจริตใจว่านายทอง สง่าดี ตายจริงตามที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มาแล้วจึงไม่มีผิดฐานพยายามฉ้อโกงและตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 คงมีความผิดเพียงฐานพยายามฉ้อโกงเท่านั้น และศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยที่ 3 มากไป จึงพิพากษาแก้ ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 4 ไปทั้งสิ้น กับให้ลดโทษจำเลยที่ 3 เพียงหนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน และรอการลงโทษไว้ นอกจากที่แก้ คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 4 ฐานพยายามฉ้อโกงและตามมาตรา 161กับให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 86, 83 แต่ต่อมาระหว่างฎีกา ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์เฉพาะจำเลยที่ 4 ศาลฎีกาสั่งให้คดีเฉพาะจำเลยที่ 4 ในข้อหาฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์เพียงว่าจำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3มีความผิดฐานสนับสนุนในความผิดดังกล่าวหรือไม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นได้ความว่า จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบลคันธารราษฎร์ มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตาย มรณบัตรหมาย จ.2 ของสำนักทะเบียนตำบลคันธารราษฎร์ เลขที่ 21/2512 ที่โจทก์อ้างและกล่าวหาว่าเป็นเอกสารที่จำเลยที่ 4 ทำปลอมขึ้นนั้น เป็นเอกสารซึ่งจำเลยที่ 4 ออกให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะที่จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบลนั้น เอกสารฉบับนี้มีข้อความแสดงว่านายทอง สง่าดี ราษฎรตำบลคันธารราษฎร์ได้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2512 ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงนายทอง สง่าดี ยังมีชีวิตอยู่

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอกสารหมาย จ.2 ดังกล่าวข้างต้นเป็นเอกสารของจำเลยที่ 4 ออกให้ตามหน้าที่ที่จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียน จึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 หากจะมีความผิดเพราะเอกสารที่จำเลยทำขึ้นมีข้อความเป็นเท็จ ก็จะผิดได้แค่ตามบทมาตราอื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องและมิได้ประสงค์ให้ลงโทษ เมื่อจำเลยที่ 4 ไม่อาจจะมีความผิดฐานปลอมเอกสารตามที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษได้แล้ว ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยที่ 4 รู้ในขณะทำมรณบัตรว่านายทอง สง่าดี ยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดนั้นด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share