คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2228/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจขอแรง บ. ราษฎรเจ้าของเรือยนต์ให้ขับเรือติดตามจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายไปเมื่อตามไปทัน จำเลยวิ่งหนีขึ้นตลิ่ง ตำรวจกับ บ.ก็ขึ้นตลิ่งแยกกันวิ่งไล่ตามจำเลย จำเลยยิง บ. ได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยเป็นการพยายามฆ่า บ. ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(3), 80 แต่ไม่ใช่การใช้กำลังประทุษร้ายในการต่อสู้หรือขัดขวางผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา 138 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้พลตำรวจสังวาลย์ ดวงศรี เจ้าพนักงานตำรวจ กับพวก ในการกระทำการตามหน้าที่ และนายบุญเหลือ บุญกอง ราษฎรผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการกระทำการตามหน้าที่ ขณะเข้าทำการจับกุมจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ของนายณรงค์ เฮี้ยนชาศรี โดยจำเลยทั้งสองเจตนาฆ่ากระสุนปืนที่จำเลยทั้งสองร่วมกันยิง ถูกนายบุญเหลือได้รับอันตรายแก่กาย ทั้งนี้ โดยจำเลยเจตนาต่อสู้ขัดขวางมิให้พลตำรวจสังวาลย์กับพวกเจ้าพนักงานตำรวจและนายบุญเหลือ บุญกอง ผู้เข้าช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ จับกุมจำเลยตามหน้าที่ได้
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเชื่อว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริงดังฟ้องพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๑๓๘, ๘๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายบุญเหลือจริง แต่ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ ด้วยนั้น เห็นว่าการที่นายบุญเหลือ บุญกอง เจ้าของเรือยนต์หางยาว ขับเรือติดตามคนร้ายไปนี้ก็เพราะพลตำรวจสังวาลย์ ดวงศรี เจ้าพนักงานขอแรงไปให้นายบุญเหลือช่วยขับเรือของนายบุญเหลือ เพื่อพลตำรวจสังวาลย์จะได้กระทำการจับกุมคนร้ายอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่เมื่อนายบุญเหลือจอดเรือแล้ววิ่งไล่ตามคนร้ายไปนั้น ก็ได้แยกกันกับพลตำรวจสังวาลย์แล้วถูกคนร้ายคือจำเลยคดีนี้ยิงเอา การที่นายบุญเหลือเข้าช่วยเจ้าพนักงานเช่นนี้ เป็นการเข้าช่วยโดยสมัครใจเอง ไม่ใช่เป็นกรณีที่ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๓), ๘๐, ๘๓ เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายในการต่อสู้หรือขัดขวางผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๑๓๘ ด้วย
จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๓), ๘๐, ๘๓

Share