แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
มติกรรมการตามข้อบังคับสหกรณ์ให้สมาชิกออกจากสหกรณ์มตินี้มีผลบังคับทันที ไม่ใช่นับแต่แจ้งมติให้สมาชิกทราบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินปันผลแก่โจทก์ 767 บาทกับดอกเบี้ย โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์โจทก์ แม้โจทก์แก้อุทธรณ์ของจำเลยไว้ขอให้จ่ายเงินโบนัสแก่โจทก์ด้วย คำขอเช่นนี้ต้องทำเป็นอุทธรณ์ ทำในรูปแก้อุทธรณ์ไม่ได้ ไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะพึงวินิจฉัย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินปันผลแก่โจทก์ 767 บาทในคำพิพากษาปรากฏต่อไปว่า
“ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ (ที่ถูกพิพากษาแก้ เพราะผลของคดีเท่ากับได้พิพากษายืนบางส่วน) ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้เป็นคดีมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาท คู่ความจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน
โจทก์ฎีกาเป็นข้อแรกว่า ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ถูกจำเลยสั่งให้ออกจากสมาชิกสหกรณ์เพราะจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับข้อที่ 22, 23 ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว คำวินิจฉัยดังกล่าวนี้ขัดแย้งต่อพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบต่อสู้ และฎีกาเป็นข้อ 2 ซึ่งมีใจความว่า โจทก์ส่งเงินสะสมรายเดือนโดยไม่ได้ฝ่าฝืนข้อบังคับข้อ 22 และ 23 ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่ว่าคำสั่งให้โจทก์ออกจากสมาชิกสหกรณ์เป็นคำสั่งที่มีเหตุผล อันเป็นการชอบหรือไม่ก็ดี โจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือไม่ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์โต้เถียง ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ฎีกาโจทก์ข้อ 3 นั้น มีปัญหาข้อกฎหมายแต่เพียงว่า มติของคณะกรรมการที่ให้โจทก์ออกจากสมาชิกสหกรณ์นั้น มีผลบังคับทันทีหรือว่าต้องแจ้งให้โจทก์ทราบเสียก่อน ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามติดังกล่าวมีผลบังคับทันที ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า คณะกรรมการดำเนินการของจำเลยมีมติให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์จำเลยตามข้อบังคับข้อ 14(7) วรรคท้ายแห่งข้อบังคับข้อนี้ซึ่งมีว่า “เมื่อคณะกรรมการดำเนินการได้สอบสวนพิจารณาปรากฏว่า สมาชิกมีเหตุใด ๆ ดังกล่าวข้างต้นนี้ และได้ลงมติให้สมาชิกออกโดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามแห่งจำนวนกรรมการดำเนินการที่ประชุมแล้ว ก็เป็นอันถือว่าสมาชิกนั้นถูกให้ออกจากสหกรณ์” เมื่อข้อบังคับมีอยู่ดังนี้ มติของคณะกรรมการดำเนินการที่ให้โจทก์ออกจากสหกรณ์จึงมีผลบังคับทันทีตามนัยแห่งประโยคสุดท้ายของข้อบังคับดังกล่าวมิใช่ว่าจะมีผลบังคับต่อเมื่อได้แจ้งให้โจทก์ทราบเสียก่อน
ส่วนฎีกาโจทก์ข้อสุดท้ายที่ขอให้จำเลยจ่ายโบนัสให้แก่โจทก์สำหรับระยะเวลาที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสหกรณ์จำเลยและเลขานุการของคณะกรรมการดำเนินการนั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิที่จะไม่จ่ายโบนัสให้แก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งไม่รับอีกเพราะยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาแล้ว ผลจึงเท่ากับว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้โจทก์จะได้ยกปัญหานี้ขึ้นในคำแก้อุทธรณ์ด้วยแต่ก็ไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะพึงวินิจฉัยให้ เพราะเป็นประเด็นที่โจทก์มีคำขอนอกเหนือไปจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์ ซึ่งการมีคำขอเช่นนี้โจทก์จะต้องทำในรูปอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา มิใช่จะขอมาในรูปคำแก้อุทธรณ์ได้ เมื่อไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์เช่นนี้ ที่จำเลยมายกในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้”
พิพากษายืน