แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีภรรยาได้ร่วมกันทำการค้าที่ดิน โดยซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาจัดสรรแบ่งขายเป็นที่ดินแปลงเล็ก เมื่อแบ่งแล้วลงชื่อภรรยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งหมดย่อมถือว่าเป็นสินบริคณห์ ดังนี้ เมื่อสามีทำสัญญาจะขายที่ดินที่จัดสรรดังกล่าวให้ผู้จะซื้อไป โดยภรรยาไม่ได้ลงชื่อในสัญญาจะซื้อขายด้วย ภรรยาก็ต้องถูกผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1473 วรรคต้น ประกอบด้วยมาตรา 1468 ทั้งได้ความด้วยว่าภรรยาเคยยินยอมให้สามีขายที่ดินที่จัดสรรทำนองนี้มาแล้วด้วยภรรยาจึงปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ได้เข้าหุ้นส่วนซื้อที่ดินแล้วจัดสรรขาย จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินจัดสรรแก่โจทก์ 1 แปลง โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่จำเลยเรื่อยมา จนเหลืองวดสุดท้าย โจทก์ได้ติดต่อให้จำเลยทั้งสองไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้จัดสรรที่ดินขายให้แก่โจทก์ตามฟ้องแต่ที่ดินที่จะขายนี้ลงชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 พร้อมที่จะโอนให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยินยอม โจทก์ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ให้การว่า เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 แต่ได้แยกกันอยู่ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะได้ทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 1 ซื้อที่ดิน จำเลยที่ 1 ทำสัญญาโดยมิได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากจำเลยที่ 2 สัญญาจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแก่โจทก์ หากไม่ไป ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนเจตนา
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้โจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ในปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เดียวเป็นผู้ลงชื่อเป็นคู่สัญญากับโจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ร่วมกันทำการค้าที่ดิน โดยซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาจัดสรรแบ่งขายเป็นที่ดินแปลงเล็ก เมื่อแบ่งแยกแล้วลงชื่อจำเลยที่ 2 ผู้เดียวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งหมดเหล่านั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นสินบริคณห์ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยภรรยาไม่ได้ลงชื่อในสัญญาจะซื้อขายด้วยภรรยาก็ต้องถูกผูกพันตามสัญญาจะซื้อขายนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 วรรคต้น ประกอบด้วยมาตรา 1468 ยิ่งกว่านั้นยังได้ความอีกว่าจำเลยที่ 2 เคยยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินที่จัดสรรทำนองนี้มาแล้วด้วย จำเลยที่ 2 จะปฏิเสธความรับผิดย่อมไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 300 บาทแทนโจทก์